ครูหนุ่ม โผล่แฉ อ้างเคยถูกพระนักเทศน์ชื่อดังแย่งคู่หมั้น ทั้งที่กำหนดวันแต่งแล้ว

ครูหนุ่มโผล่อีกคน อ้างเคยถูกพระนักเทศน์ที่รักเหมือนน้องชาย แย่งคู่หมั้นไป จับได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง จนต้องยกเลิกงานแต่ง

จากกรณีคลิปเสียงและข้อความแชตอ้างเป็นการสนทนาระหว่างหญิงสาวรายหนึ่ง พูดแทนตัวเองว่า "ตอง" และเสียงผู้ชายอ้างว่าเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง แอบมีสัมพันธ์กับหญิงสาวในรถยนต์ ต่อมาหญิงสาวคนดังกล่าวได้ออกมายอมรับว่าเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา เพราะมีอาการป่วยเป็นไบโพลาร์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (30 เม.ย.) นายพล (นามสมสมุติ ) อาจารย์สอนวิชาดนตรีโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ได้ร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ตามที่พระนักเทศน์ชื่อดังตกเป็นข่าวเสพเมถุนกับสีกาในรถยนต์นั้น ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าสักวันหนึ่งพระนักเทศน์ชื่อดังรูปดังกล่าว จะต้องพบจุดจบอย่างน่าอับอายเช่นนี้แน่นอน

โดยก่อนหน้านี้ตนเป็นนายหนังตะลุงระดับแชมป์เยาวชนในภาคใต้ และพระนักเทศน์รายนี้ก็มาอยู่กับตน ซึ่งตนรักเหมือนน้องชาย จนเมื่อตนประกาศจะแต่งงานกับสาวคู่หมั้นและกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว

ครูพล กล่าวต่อว่า ตนมาจับได้ว่าคู่หมั้นสาวแอบคบหาทางชู้สาวกับพระนักเทศน์ชื่อดังรายนี้อย่างลึกซึ้ง และแอบพูดคุยกันผ่านทางไลน์และแอบพบกันเป็นประจำ เมื่อตนรู้ความจริงตนเสียใจมากจึงสอบถามเรื่องราวกับคนทั้งสอง ซึ่งทั้งสองก็ยอมรับว่ารักกัน มีอะไรกัน ในที่สุดตนก็ยกคู่หมั้นให้กับพระนักเทศน์ ถือว่า "ยกแฟนสาวให้น้องชาย" และยกเลิกกำหนดการแต่งงานไปโดยปริยาย

จากนั้นเฝ้าติดตามพฤติกรรมของหญิงร้ายชายชั่วดังกล่าวมาโดยตลอด จนในที่สุดทราบว่าพระนักเทศน์มีปัญหาจนต้องเลิกรากับอดีตคู่หมั้นของตนไปในที่สุด เพราะพระนักเทศน์มีพฤติกรรมทางชู้สาวกับหญิงสาวคนอื่นๆ อีกหลายคน ทำให้ครอบครัวเขามีปัญหาแตกแยกหลายราย

หากติดตามในโลกออนไลน์จะเห็นว่ามีหลายคนที่ติดตามข่าวออกมาโพสต์แฉพฤติกรรมของพระนักเทศน์ชื่อดังรายนี้ พูดง่ายๆ เขามีโจทก์รออยู่เต็มไปหมด

อาจารย์หนุ่ม กล่าวอีกว่า ทันทีที่มีคลิปเสียงพระนักเทศน์กับสีกาสาวมีอะไรกันในรถยนต์ ตนเชื่อทันทีว่าเป็นเรื่องจริง และเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม กรรมตามทันตาเห็นไม่ต้องรอชาติหน้า คนชั่วช้า นอกจากทำลายครอบครัวคนอื่นๆ แล้วยังทำลายศาสนาที่จะอภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด อยากวิงวอนคณะสงฆ์อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไปสร้างความเสื่อมเสีย มั่วหมองให้กับศาสนาต่อไปอีกเลย