"ทิดสมปอง" มาแล้ว ไลฟ์สดแจงปมดราม่า แตกหัก "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ยืนยันไม่ได้หิวเงิน

"ทิดสมปอง" มาแล้ว ไลฟ์สดแจงปมดราม่า แตกหัก "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ยืนยันไม่ได้หิวเงิน

"ทิดสมปอง" มาแล้ว ไลฟ์สดแจงปมดราม่า แตกหัก "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ยืนยันไม่ได้หิวเงิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ทิดสมปอง" ไลฟ์สด เคลียร์ปมแตกหัก "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ตอบทุกประเด็นที่สังคมสงสัย ยืนยันยังเป็นสมปองคนเดิม

จากกรณี นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ออกมาแถลงข่าวว่าตอนนี้ได้แตกหักกับ นายสมปอง นครไธสง หรือ อดีตพระมหาสมปอง พร้อมแถลงข่าวเปิดใจถึงสาเหตุ ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (4 ม.ค.) นายสมปอง นครไธสง ได้ไลฟ์สดในเพจเฟซบุ๊กแฟนเพจ สมปอง นครไธสง โดยชี้แจงเป็นประเด็นๆ ดังนี้

เรื่องเข้าไปอยู่บ้านพักของพักอาศัยของเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล - ได้มีการคุยกันตั้งแต่ตอนยังบวช และเข้าไปดูภายในบ้าน รู้สึกโชคดีที่มีที่อยู่ ซึ่งได้พูดคุยกัน ยืนยันว่าไม่ได้ขอ และมีการเสนอมา โดยต้องขอบคุณแม้จะได้อยู่ 1 เดือน 

เรื่องเสื้อผ้า 8 หมื่นกว่าบาท - ตอนไปซื้อก็ไม่รู้ราคา อะไรถูกและแพง ส่วนตัวใส่อะไรก็ได้ วันที่ไปซื้อก็แล้วแต่สะดวกจะซื้อให้เลย ซึ่งมีการเลือกให้ ยืนยันว่าไม่รู้ราคา ซึ่งก็ทราบว่ามีส่วนลดให้ และตนก็มีการไลฟ์ให้ในเพจ ส่วนตัวใส่อะไรก็ได้ ถ้าให้เลือกขอใส่เสื้อฟุตบอล แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้

เรื่องหนี้สิน - ทิดสมปอง ยืนยันพร้อมรับผิดชอบ และใช้หนี้ เราทำงานหนัก เพื่อหาเงินไปใช้หนี้ก้อนใหญ่ ตนจะไม่ให้ใครมาใช้หนี้ให้ เพราะอยากทำงานใช้หนี้เอง

"สำหรับเงินงวดแรก 1 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 2.5 แสนบาท เป็นเวลา 4 เดือน ผมเพิ่งทราบจากเลขาฯ ว่า เขาโอนเงินไปใช้หนี้ให้เลย ซึ่งก็ขอบคุณเจ้าหนี้ที่มีเมตตา ขอบคุณจริงๆ ผมเพิ่งรู้ว่าเงินก้อนนั้นเป็นเงินของการทำงานของผม ขออนุญาตพูดว่าพี่สาวท่านนั้นไม่ได้ใช้หนี้ให้ผมนะครับ แต่เป็นเงินจากการทำงาน"

ก่อนที่ทิดสมปองก่อนจะอ่านแชทที่คุยกับอีกฝ่ายให้ฟัง ว่ามีการพูดคุยตกลงเรื่องงาน ว่าให้จ่ายเป็นงานๆ ตามสมควรที่จะตกลงกัน ส่วนเงิน 1 ล้านบาทนั้น ค่อยๆ หักค่าตัวของตนตามเรตปัจจุบัน

"ผมเต็มที่กับงาน ผมไม่ได้หิวเงิน ตั้งแต่ออกมา ผมไม่เคยทิ้งทีมงาน" ทิดสมปอง กล่าว 

เรื่องหิวเงิน เรื่องเงินเป็นใหญ่ - หากอยากรวยจริงๆ คงไม่บวชเป็นพระ เพราะไม่ได้เงินอยู่แล้ว ตนเรียน ป.โท สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ อาจารย์ก็บอกเรียนชั่วโมงแรกๆ ว่าเรียนคณะนี้ไม่รวย แต่เพราะเรารู้สึกว่าสังคมสงเคราะห์เรามาตลอด เราเลยเรียนเรื่องนี้

วงการที่อยู่ก็ไม่เอื้อให้รวย นอกจากไม่รวยยังทำให้ติดลบด้วย แต่ตนรับผิดชอบตรงนั้น จะไม่อ้างเรื่องไม่มีไม่จ่าย อย่าเห็นตนเป็นคนหิวเงิน ตนไปไลฟ์ให้ที่วัดหนึ่งก็ไม่คิดค่าตัว เขาให้มา แต่เราก็ให้คืนไปด้วย พร้อมย้ำไม่มีใครใช้หนี้ให้ ตนทำงานใช้หนี้ หากยังไม่คุ้มกับเงิน 1 ล้านบาท ก็บอกมาว่าจะให้ตนทำงานใช้คืนหรือทยอยใช้คืนให้

เรื่องสัญญา - ไม่รู้ว่าวันนั้นจะได้เซ็น ตอนเแรกทีมงานคิดว่าได้เดือนละล้าน ก็เซ็นกันจริง พอซิทคอมออกมาครั้งแรก ต้องตื่น 6 โมงเช้า ทำงาน 9 โมง ถึงตี 2 ยืนยันเราทำงานให้ใครก็คุ้มค่าเขา เป็นตัวตนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง และรู้สึกว่าทำงานให้เขาได้ไม่คุ้ม จึงไปขอคุยเรื่องเปลี่ยนแปลงสัญญา แต่ก็ยังไม่ได้เซ็น เพราะอยากดูให้รอบคอบก่อน

"ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องค่าตัวอย่างแน่นอน ไม่ได้หิวเงิน ยึดตัวเนื้องานที่รับมาเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของความไหว ไม่ไหวของผมด้วย ขอย้ำผมไม่ได้หิวเงินขนาดนั้น ผมจะได้เงินเมื่อมีงาน ไม่ได้มีใครใช้หนี้ให้ผม ผมทำงาน ให้คืนเป็นเงินหรือเป็นเงินก็ได้"

เรื่องคบคนสีเทา ธุรกิจสีเทา - ชี้แจงถึงเรื่องยาเสพติดก่อน โดยบอกว่าบุหรี่ยังไม่สูบเลย ส่วนเรื่องตู้ไวน์ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ ตนยังบอกอยู่เลยว่ามันอร่อยตรงไหน รู้สึกว่าเป็นน้ำผลไม้เท่านั้น เอาไว้นอนดู ไม่ค่อยได้ดื่ม ยืนยันไม่ยุ่งกับยาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ยุ่งเกี่ยวธุรกิจสีเทาแน่นอน ซึ่งคนที่เข้ามาจะมีสีเทาไหมก็ไม่ทราบ เพราะว่าไม่ได้ไปสืบประวัติ

เรื่องอยากได้เงินเยอะๆ 3 เดือนร้อยล้านจริงไหม - ก็เป็นเชิงขำๆ ฟังจากพระอาจารย์มาเป็นทีเล่นทีจริง ก็เป็นแค่เป้าหมาย เป็นแค่แรงผลักดันเท่านั้น หลังจากนี้ก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ทุกเรื่องราวมีบทเรียนให้กับผม ยังเป็นสมปองคนเดิม อยู่บนพื้นฐาน จริงใจ ตั้งใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรสีเทา อยู่บนพื้นฐานของความสุข จะสร้างความสุขให้แก่ทุกท่าน และยังรักเคารพผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณทุกท่าน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook