แพทย์ไทยเตือนภัยคนไทย มีความเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักมากขึ้น
นพ.ชิงเยี่ยม กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันหญิงมีครรภ์มักประสบปัญหาเกี่ยวกับการเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักในระหว่างการตั้งครรภ์ เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงที่ตั้งครรภ์ มดลูกจะมีขนาดที่ใหญ่โตขึ้น ทำให้ไปเบียดบริเวณอุ้งเชิงกราน และตามเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงบริเวณทวารหนัก ทำให้เกิดสภาวะเลือดไหลเวียนไม่สะดวก หรือภาวะเลือดไหลย้อนไปเลี้ยงบริเวณริดสีดวงน้อย ดังนั้นหญิงมีครรภ์ จึงต้องระมัดระวัง อย่าให้เกิดอาการท้องผูก เวลาถ่ายอุจจาระ อย่าเบ่งนาน เวลานอนพัก ควรนอนในท่าที่ไม่ให้มดลูกไปเอนทับหรือกดทับบริเวณอุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ควรรับประทานผัก ผลไม้ที่มีกาก อาทิ ผักใบเขียว คะน้า ผักโขม, กวางตุ้งมะละกอ, กล้วยและส้ม เป็นต้น โดยอาการโรคริดสีดวงทวารหนักของหญิงมีครรภ์ เมื่อคลอดบุตรแล้ว ก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ทั้งนี้ โรคริดสีดวงทวารหนัก เป็นโรคที่พบได้บ่อย ดีที่สุดคือการป้องกันเรื่องของการขับถ่าย อย่าให้ท้องผูก ไปห้องน้ำเป็นกิจวัตร และควรถ่ายทุกวัน และเมื่อมีอาการแล้ว ควร รีบไปตรวจ โดยในปัจจุบันสามารถรับการรักษาได้ในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ไม่ต้องอายแพทย์ โดยขณะทำการรักษา แพทย์จะนำผ้ามาปิดให้มิดชิด และเปิดเฉพาะในจุดที่เป็น บริเวณที่จะทำการรักษาเท่านั้น และการตรวจรักษาในปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับระยะที่เป็นของโรค หากจำเป็นจะต้องทำการผ่าตัด ซึ่งในอดีตผู้ป่วยจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นเดือน แต่ในปัจจุบันสามารถยืดระยะเวลาการพักฟื้นให้สั้นลงมาก ส่วนวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดมี 2 วิธี ได้แก่ 1. การผ่าตัดโดยแพทย์ ซึ่งเป็นวิธีแบบเดิม โดยศัลยแพทย์จะทำการตัดในส่วนริดสีดวงส่วนเกินออกไป และ 2. การผ่าตัดด้วยเครื่องมือตัดเย็บอัตโนมัติหรือที่เรียกว่า PPH (procedure for prolapsed and hemorrhoid) ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อย และใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดและพักฟื้นตัวน้อย ระยะเวลาการฟื้นตัวของผู้ป่วยหลังการผ่าตัดเร็ว ความต้องการในการรับประทานยาแก้ปวดของผู้ป่วยน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเดิม รวมถึงผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดไม่ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อน ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ไวกว่าการผ่าตัดแบบเดิม สำหรับโรคริดสีดวงทวารหนัก เป็นโรคที่พบบ่อยทั้งในเพศชายและเพศหญิง แต่ผู้ป่วยจำนวนมาก มีแนวโน้มที่จะเก็บความทุกข์ทรมานจากโรคนี้ไว้ตามลำพัง เนื่องจากความอายและกลัวการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยต้องอดทนต่อความเจ็บปวด จนเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หากผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบลำไส้ใหญ่และทวารหนัก หรือไปรักษากับบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ มักจะก่อให้เกิดปัญหาโรคแทรกซ้อนตามมา ที่พบบ่อยที่สุดคือ รูทวารหนักตีบตันไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้