"อนุทิน" ซัดพวกลักลอบเปิดสถานบันเทิง ต้องมีสำนึก ระวังความวิบัติจะตามมา
"อนุทิน" อัดแหลกพวกลักลอบเปิดสถานบันเทิงกลางเมือง วอนให้มีสำนึก ระวังจะมีความวิบัติตามมา
วันนี้ (25 พ.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสถานบันเทิงแอบเปิดใจกลางเมืองกรุง ว่า ทุกครั้งที่มีคลัสเตอร์ ทุกครั้งที่มีการระบาดใหญ่ ทุกครั้งที่มีความสูญเสีย มันไม่ได้มาจากการทำกระทำที่ถูกกฎหมาย ส่วนใหญ่มาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตรงนี้เป็นเรื่องสำนึก และสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องเร่งไปจัดการให้เรียบร้อย
หากผู้คนให้ความร่วมมือเหมือนช่วงนี้ของปีก่อน ประเทศไทยเราไม่มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตมาตั้ง 6 เดือน พอมีการทำผิดกฎหมาย เสี่ยงผิดกฎหมายเมื่อไหร่ ความวิบัติอะไรต่างๆ ก็ตามมา รัฐบาลพยายามให้มีมาตรการทุกเรื่องเพื่อความสะดวก แต่ถ้ามีคนทำนอกมาตรการนั้น ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายโอกาสต่างๆ เกิดเหตุอะไรขึ้นมาก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเพื่อแลกกับความปลอดภัยของประชาชน รัฐไม่มีทางเลือก แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด
ส่วนประเด็นผับ บาร์ คาราโอเกะ จะผ่อนคลายอย่างไร หลังผู้ประกอบการเรียกร้องให้เปิดวันที่ 1 ธ.ค.นี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ขอให้ดำเนินการมาตรการ COVID Free Setting ให้ผู้ประกอบการฉีดวัคซีนให้พนักงาน ตรวจสอบลูกค้าต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดสก่อนเข้าร้าน หากทำกันได้ แสดงให้เห็นว่าทำได้ เราก็พร้อมผ่อนคลาย
ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีกังวลมาก ทั้งเรื่องความเสี่ยงติดเชื้อ เรื่องทำมาหากิน ท่านสั่งการมาตลอด ซึ่งในวันนี้มีพิธีลงนามสัญญาจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ จำนวน 30 ล้านโดส สำหรับปี 2565 โดยจะนำไปฉีดให้เด็กอายุ 5-11 ปี จำนวน 10 ล้านโดส ภายหลังจากการขึ้นทะเบียนขยายอายุการฉีดกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเป็นวัคซีนสูตรใหม่ที่นำมาใช้โดยไม่ต้องผสมน้ำเกลือ รวมถึงลงนามซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ 5 หมื่นคอร์สรักษาด้วย
นอกจากนี้ การประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ (26 พ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอมาตรการเปิดประเทศระยะที่ 2 หลังจากเดือน ธ.ค. น่าจะมีมาตรการผ่อนคลายประเทศให้มีความสะดวกมากขึ้น เช่น การใช้ ATK ให้มากขึ้น เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยไม่ต้องตรวจแบบ RT-PCR แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ศบค. ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติเห็นชอบในเรื่องดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว