รมว.สธ.มั่นใจหลังปี 2553 ประเทศไทยจะไม่มีเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ตกค้างการรักษา

รมว.สธ.มั่นใจหลังปี 2553 ประเทศไทยจะไม่มีเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ตกค้างการรักษา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มั่นใจหลังปี 2553 ประเทศไทยจะไม่มีเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ตกค้างการรักษา ภายหลังการจัดโครงการยิ้มสวย เสียงใส สามารถให้การรักษาได้อย่างต่อเนื่อง นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดโครงการ "ยิ้มสวย เสียงใส ปีที่ 5 ที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเทิดพระเกียรติ 50 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข สภากาชาดไทย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดโครงการยิ้มสวย เสียงใส พ.ศ.2548-2553 จัดบริการผ่าตัดแก้ไขความพิการฟรีให้เด็กแรกเกิดที่มีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่และเข้าไม่ถึงบริการการรักษา เพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ซึ่งผลการดำเนินการจนถึงขณะนี้รวม 4 ปี มีเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ที่เกิดตั้งแต่ 1 มกราคม 2548 - 30 กันยายน 2551 ขึ้นทะเบียนในโครงการ 5,676 ราย ได้รับการผ่าตัดไปแล้ว 5,300 ราย ที่เหลืออีก 376 ราย จะผ่าตัดแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2553 โดยมั่นใจว่าจากนี้ไป จะไม่มีเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ตกค้างรักษาอีก สำหรับเด็กที่เกิดใหม่ทุกรายที่มีปัญหาดังกล่าวจะเข้าสู่ระบบการดูแลต่อเนื่อง โดยมีโรงพยาบาลกว่า 42 แห่ง ที่สามารถทำผ่าตัด ฟื้นฟูจนถึงการฝึกพูดได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า โรคปากแหว่ง เพดานโหว่พบปีละประมาณ 2,000 คน โดยพบเด็กปากแหว่งได้ 1 ใน 600 ของเด็กแรกเกิด ส่วนเพดานโหว่พบได้ 1 ใน 2,500 ของเด็กแรกเกิด ซึ่งการรักษาให้ได้ผลดีคือการผ่าตัดเย็บปิดรอยแหว่ง และช่องโหว่ที่เพดานปาก โดยเด็กปากแหว่งควรได้รับการผ่าตัดเมื่ออายุ 3-6 เดือน ส่วนเด็กเพดานโหว่ควรผ่าตัดเมื่ออายุ 9 เดือน - 1 ขวบครึ่ง หากได้รับการผ่าตัดช้า จะทำให้การฝึกพูดให้ชัดเจนเหมือนคนปกติเป็นไปได้ยาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook