ปืนปากกาลั่นเจาะคิ้วเด็กเทคโนฯกรุงเทพสาหัส

ปืนปากกาลั่นเจาะหว่างคิ้วเด็กนักเรียนเทคโนฯกรุงเทพ บาดเจ็บสาหัส

(13พ.ย.) เช้าวันนี้ขณะที่ ร.ต.ท.อาสา จันทร์มณี รอง สวง.ป. สน.ท่าเรือ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ได้รับแจ้งเหตุทางวิทยุว่า มีกลุ่มนักเรียนยิงกัน บนรถโดยสารประจำทางสาย 180 วิ่งระหว่างเซ็นทรัลพระราม 3 -ราม 2 ขณะจอดอยู่หน้าสำนักแพทย์การท่าเรือ แห่งประเทศไทย ถนนเกษมราษฎร์ แขวงและเขต คลอเงตย จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมพ.ต.อ.ธนิต เหรียญเจิญ ผกก.อก.ตปพ.ช่วยราชการในตำแหน่ง รวธ.ผกก.สน.ท่าเรือ มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุบริเวณถนนเกษมราษฎร์ มุ่งหน้าแยกศุลกากรพบนักเรียนจากโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงเทพนั่งอยู่ในรถ 10 คน บริเวณเบาะนั่งที่ 2 ด้านซ้ายมือ ใกล้ประตูรถทางเข้า-ออกรถ พบร่างนายปฐมพงศ์ ศรีเฒ่า อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ปสช.ปี 2 สาขาช่างไฟฟ้า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่เหนือคิ้วด้านซ้าย 1 นัด มีเลือดและมันสมองไหลออกมา เจ้าหน้าที่จึงรีบนำร่างผู้บาดเจ็บส่งรพ.กล้วยน้ำไท เนื่องอา การสาหัส

จากการตรวจสอบทราบว่านักเรียนกลุ่มดังกล่าวทั้ง 10 คนได้มารวมตัวกันขึ้นรถเมล์สาย 180 เพื่อที่จะไปเรียนที่อู่รถเมล์ใกล้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ ใกล้เซ็นทรัลพระราม 3 โดยมีผู้โดยสารนั่งมาเต็มคันรถระหว่างนั้นได้มีผู้โดยสารสังเกตุเห็นความผิด ปกติภายในรถของกลุ่มนักเรียนกลุ่มนี้ที่มีอาวุธซ่อนไว้ใต้เบาะรถเมล์และบน หลังคารถ จึงแจ้งให้ด.ต.สุรวิทย์ สุวรรรัตน์ สบ.หมู่จราจรกลาง ให้ตรวจสอบเมือขึ้นไปตรวจสอบภายในรถ ได้ยินเสียงปืน 1 นัด แล้วพบร่างผู้บาดเจ็บจึงให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องลงจากรถ ก่อนคุมตัวนักเรียนทั้งหมดไปที่สน.ท่าเรือเพื่อทำการสอบสวน

จากการตรวจสอบภายในรถเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนปากกา 3 ด้าม ตกอยู่พื้นรถ และพบมีดดาบความยาว 30 ซม.ซุกอยู่บริเวณช่องลมหลังคารถ ด้านหลัง 1 เล่ม และท้ายเบาะอีก 1 เล่ม โดยพบปลอกกระสุนขนาด.38 ตกอยู่ที่พื้น 1 นัดจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ร.ต.ท.อาสา กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่านายปฐมพงศ์ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากกระสุนปืนตัวเองลั่น ใส่ เนื่องจากกลัวตำรวจที่จะมาตรวจสอบ จึงซุกซ่อนไว้แต่ประมาทจึงทำให้กระสุนลั่นใส่เข้าบริเวณคิ้ว ทั้งนี้จึงนำทั้งหมดไปสอบสวนต่อที่สน.ท่าเรือ โดยแจ้งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกอาวุธปืนเข้าไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร และพกพาอาวุธมีด 3 เล่มโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร จึงสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป