เอเปกเล็งเขตค้าเสรีคลุมครึ่งโลก สหรัฐคงมาตรการควํ่าบาตรพม่า
บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีการค้าเอเปก ออกแถลงการณ์ร่วมกันหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วันที่สิงคโปร์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ศึกษาหนทางบรรลุเป้าหมายระยะยาวของกลุ่มเรื่องตั้งเขตเสรีการค้าเอเชียแปซิฟิกครอบคลุม 21 เขตเศรษฐกิจ ครองส่วนแบ่งร้อยละ 54.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลก และร้อยละ 43.7 ของมูลค่าการค้าโลก
นอกจากนี้ ยังได้ให้คำมั่นว่าจะเปิดตลาดการค้าสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อต่อสู้การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและบรรลุการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่น รวมทั้งจะอำนวยความสะดวกในการกระจายเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงการประหยัดพลังงานและฟื้นฟูป่า
ขณะเดียวกัน กองทุนสัตว์ป่าโลก (ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ) ซึ่งศึกษาถึงภัยคุกคาม 11 เมืองใหญ่ในเอเชีย ที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ พบว่า กรุงธากา ของบังกลาเทศ กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ และกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย คือ 3 เมืองใหญ่ในเอเชีย ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ลมพายุและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล
นอกจากนั้น ยังพบว่า นครกัลกัตตาในอินเดีย กรุงพนมเปญของกัมพูชา นครโฮจิมินห์ ซิตีในเวียดนาม นครเซี่ยงไฮ้ของจีน กรุงเทพมหานครของไทย ฮ่องกง กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นเมืองด่านหน้าที่จะไรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางรับมือเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย โดยประเด็นดังกล่าวถูกบรรจุเป็นวาระในการประชุมเอเปกครั้งนี้
ทางด้านนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ย้ำว่าสหรัฐจะยังคงนโยบายคว่ำบาตรพม่าต่อไป จนกว่าพม่าจะเผยให้เห็นถึงพัฒนาการของกระบวนการทางประชาธิปไตย และว่า สหรัฐไม่เคยกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในการฟื้นความสัมพันธ์กับพม่า แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและประชาชนชาวพม่าเอง รวมถึงรัฐบาล พม่าจะต้องเปิดการเจรจากับนางออง ซาน ซูจี ผู้นำการเรียกร้องประชาธิปไตยของพม่ามากขึ้น.