ผจก.โอเกะโหดดอดมอบตัว

ผจก.โอเกะโหดดอดมอบตัว

ผจก.โอเกะโหดดอดมอบตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้จัดการคาราโกะโหดดอดมอบตัวตำรวจ พร้อมปฏิเสธพัลวัน โต้คิดราคาตามจริง

กรณี นายสมพงศ์ เบญจะวงษ์ อายุ 39 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เข้าร้องเรียนกับรายการข่าว 3 มิติ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่าเข้าไปดื่มกินในร้านไวโอเลต คาราโอเกะ ริมถนนศรีนครินทร์ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมเพื่อนอีกคน และถูกทางร้านเรียกเก็บเงินค่าบริการ 1 แสนบาท ซึ่งมองว่าสูงเกินจริงจึงไม่จ่ายเงิน สุดท้ายถูกกลุ่มคนของร้านรุมทำร้ายร่างกาย และถูกกักตัวไว้ข่มขู่เอาบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินสด และให้โทรศัพท์เรียกภรรยามาจ่ายเงินเพิ่มเติม โดยแจ้งความไว้ที่ สภ.สำโรงเหนือ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบหน้านั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พ.ย. พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความได้เร่งสืบสวนหาหลักฐาน แต่ที่ล่าช้าเพราะต้องทำเรื่องขอภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ เพื่อประกอบสำนวนขออนุมัติหมายจับผู้กระทำผิด ซึ่งเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสมุทรปราการ ออกหมายจับผู้ก่อเหตุแล้ว 2 คน คือ นายอนุสรณ์ ปัญญาดี อายุ 28 ปี ผู้จัดการร้าน และ นายส่งเสริม แย้มกลีบ อายุ 53 ปี พ่อครัว ซึ่งผู้เสียหายชี้ยืนยัน

ต่อมานายอนุสรณ์เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและแสดงความบริสุทธิ์ใจที่โรงพัก หลังเห็นข่าวทางทีวี โดยให้การปฏิเสธ อ้างว่าคืนเกิดเหตุผู้เสียหายกับเพื่อนชายอีกคน มาใช้บริการตั้งแต่ 3 ทุ่มจนถึงตีหนึ่ง สั่งเหล้านอกมาดื่มเพียวๆ ตบกับน้ำเปล่า พร้อมเรียกเด็กมานั่งดริ๊ง 8 คน และคอยแจ้งเรื่องค่าบริการตลอดเป็นระยะๆ พอเห็นว่ายอดเงินสูงขึ้น แต่ผู้เสียหายกลับบอกว่าเรื่องเล็ก และโวยวายหาว่าดูถูก จนถึงเวลาตีหนึ่งต้องปิดร้าน ก็แจ้งบิลค่าบริการทั้งหมดเป็นค่าเหล้ายี่ห้อดัง 7 ขวด ค่าเด็กนั่งดริ๊ง 104 ดริ๊ง ค่ามิกเซอร์และค่าอาหาร รวมเป็นเงิน 41,190 บาท ไม่ใช่ 1 แสนบาทอย่างที่กล่าวหา

ทั้งนี้ ตนไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหาย แต่เป็นลูกน้องในร้าน ซึ่งตนเข้าไปห้ามไม่ทัน และตอนอยู่ในร้าน ก็ไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายด้วย และที่ปิดร้าน ไม่ได้หนี แต่หมุนเงินไม่ทัน เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหานายอนุสรณ์ 3 ข้อหา คือร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ข่มขืนใจผู้อื่นฯ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่เหลือ ตำรวจทราบชื่อหมดแล้ว อยู่ระหว่างติดตัวมาดำเนินคดีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook