จับตา ศบค. ขยับเวลาเคอร์ฟิว-ไฟเขียวสูตรวัคซีนไขว้ AZ/PZ-เคาะรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ

จับตา ศบค. ขยับเวลาเคอร์ฟิว-ไฟเขียวสูตรวัคซีนไขว้ AZ/PZ-เคาะรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ

จับตา ศบค. ขยับเวลาเคอร์ฟิว-ไฟเขียวสูตรวัคซีนไขว้ AZ/PZ-เคาะรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ รับมอบกระบอกฉีดวัคซีนโควิด 19 ก่อนประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาปรับระดับพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดใหม่ ผ่อนคลายเคอร์ฟิว เคาะ 10 ประเทศเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันนี้ (14 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ตึกไทยคู่ฟ้าตามปกติ โดยมีศาสตราจารย์นายแพทย์พรชัย สิมะโรจน์ เข้าพบเพื่อบริจาคกระบอกฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นำไปใช้สนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.ชุดใหญ่) ครั้งที่ 16/2564 เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หลังผ่อนคลายและปรับมาตรการให้กิจการ/กิจกรรมต่างๆ ครบ 14 วัน รวมถึง ศปก.ศบค. จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาปรับระดับสีใหม่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เหลือ 24 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 29 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 24 จังหวัด

พร้อมกันนี้ ศปก.ศบค. จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการการเดินทางออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว โดยเสนอให้ขยับเวลาจากเดิม 22.00 - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เป็นเวลา 23.00 – 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ไปอีก 14 วัน ส่วนกิจการ/กิจกรรมในพื้นที่สีแดงเข้มจะเสนอให้ผ่อนคลายและปรับมาตรการ คือ ให้สามารถจัดการประชุมรวมถึงงานประเพณีในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ และสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมได้ โดยปรับจำนวนการรวมกลุ่มคนตามระดับพื้นที่สี รวมถึงให้เปิดสถานดูแลผู้สูงอายุแบบไป-กลับได้ แต่ต้องได้รับการพิจารณาอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งกิจการ/กิจกรรมที่จะปรับมาตรการในครั้งนี้ให้เปิดดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 22.00 น.

รวมถึงจะเสนอให้ที่ประชุม ศบค. พิจารณาแนวทางการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศแบบไม่ต้องกักตัว โดยจะพิจารณาปัจจัยหลัก คือ จำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละประเทศ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้ ศบค. พิจารณาสูตรฉีดวัคซีนแบบไขว้ คือ การฉีดแอสตร้าเซนเนก้าตามด้วยไฟเซอร์

นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการ/แนวทางการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในวันที่ 1 พ.ย.นี้ รวมถึงความพร้อมด้านต่างๆ ก่อนที่จะอนุญาตเปิดสถานบันเทิงให้ดื่มกินได้วันที่ 1 ธ.ค.นี้

ต่อจากนั้นในช่วงบ่าย นายนาชิดะ คาซูยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือข้อราชการอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook