รวบค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้าล็อตใหญ่
รวบอดีตดาบตำรวจกับพวกขนยาบ้า 4หมื่นเม็ดซุกคอมพ์ฯ ขึ้นรถทัวร์ ค้นบ้านพบอาวุธสงครามร้ายแรงเพียบ สารภาพค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้า
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้(9 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดภาคเหนือ(บช.ปส.) จ.เชียงใหม่ หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดและความมั่งคง นำโดย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สิทธิพร ศรีจันทร์ทับ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.อก.ภาค 5 หัวหน้าศูนย์ปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 นายพรเทพ เอี่ยมประไพ ผอ.ปปส.ภาค 5 พ.ท.ศักดิ์สิทธิ์ นิลจันทร์ ตัวแทนกองทัพภาคที่ 3 และพ.ต.อ.สถิตย์ บุญชัย ผกก.5บก.ทล.ตัวแทนตำรวจทางหลวง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้ารายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 6 คน
ประกอบด้วย จ.ส.ต.ศรียนต์ การเก่ง อายุ 43 ปี หัวหน้าแก๊ง บ้านเดิมอยู่เขตประเวศ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจในกรุงเทพฯ , นางบัวแก้ว วิสุด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ 5 ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ภรรยา , จ.ส.ต.พัชร หรือจ่ายศ ซิบเข อายุ 55 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.นนทบุรี เป็นอดีตตำรวจ จ.เพชรบุรี , นายวีรพันธ์ ปิยะโชติ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/1 หมู่ 6 ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ , นายตอนะ ไม่มีนามสกุล อายุ 26 ปี ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย อยู่ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และนายจะสอ ไม่มีนามสกุลสัญชาติพม่าที่อยู่สหภาพพม่า
พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ด เครื่องคอมพิวเตอร์ และอาวุธสงครามร้ายแรงหลายรายการ ได้แก่อาวุธปืนเล็กกลเอ็ม 16 จำนวน 3 กระบอกพร้อมแม็กกาซีนขนาดบรรจุ 20 นัด จำนวน 3 อัน , กระสุนปืนเล็กกล ขนาด 5.56 มม. ประมาณ 3,000 นัด , อาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด 11 มม . (กล็อค 30 ) จำนวน 1 กระบอกพร้อมแมกกาซีน 2 อัน , กระสุนปืนออโตเมติกขนาด 11 มม . จำนวน 15 นัด , ดินระเบิดทีเอ็นที ขนาด 1 ปอนด์และครึ่งปอนด์รวม 48 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 34 ปอนด์ , เชื้อประทุไฟจำนวน 9 กล่อง รวม 54 อัน และกระสุนระเบิดชนิดเอ็ม 79 จำนวน 207 นัด
โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาได้สองรายแรกก่อนคือนายวีรพันธ์ และจ.ส.ต.พัชร หลังขับรถยนต์จี๊ป ยี่ห้อเชอโรกีนำห่อยาบ้าซึ่งซุกซ่อนไว้ในซีพียูคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ซึ่งบรรจุกกล่องลงชื่อผู้ส่งเป็น จ.ส.ต.ศรียนต์ ไว้ที่หน้ากล่องแล้วส่งขึ้นรถทัวร์นำไปส่งมอบให้ปลายทางที่กรุงเทพฯ หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบมียาบ้า 40,000 เม็ดอยู่ภายในตรงกับที่สืบสวนมา จึงได้ส่งกำลังออกติดตามจับกุมตัวทั้งสองไว้ได้ที่สี่แยกไฟแดงตลาดรวมโชค อ.สันทราย จากนั้นได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้นตามจับกุมเครือข่ายเพิ่มเติมที่โรงแรมและศูนย์อาหารตลาดแม่โจ้ อ.สันทรายได้อีก 4 คน เมื่อขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านที่ จ.ส.ต . ศรียนต์ เช่าอยู่กับนางบัวแก้ว ภรรยาในเขต อ.สันทราย จึงพบว่ามีอาวุธสงครามเป็นจำนวนมากดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนและแถลงข่าว
พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ถือเป็นรายใหญ่ ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบค้าอาวุธสงครามเพื่อแลกกับยาบ้า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาไปรับยาบ้ามาจากพื้นที่ภาคเหนือเพื่อจะส่งไปปลายทางที่กรุงเทพฯ โดยใช้วิธีการแลกยาบ้ากับอาวุธสงครามที่ไปรับมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อจัดส่งไปให้กับชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงดีเคบีเอที่ จ.เชียงราย ซึ่งคิดมูลค่าของกลางอาวุธสงครามตกอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท ส่วนยาบ้า 40,000 เม็ดนั้น หากส่งไปถึงกรุงเทพฯจะมีราคาสูงถึงเม็ดละ 200 บาท รวมมูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท
เครือข่ายดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับขบวนการค้าอาวุธและยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือกับภาคกลาง มีนายตอนะ และนายจะสอรับและ จ.ส.ต.พัชร ซึ่งสื่อสารภาษาพม่ารับหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงาน ถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบในการลำเลียง โดยจัดส่งเป็นรูปสินค้าผ่านทางรถทัวร์เลี้ยงการใช้คนขนผ่านด่านซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดจับอย่างเข้มงวดมาตลอด ซึ่งทางตำรวจจะได้ขยายผลการจับกุมไปยังแหล่งค้ายาบ้าและขบวนการค้าอาวุธที่เกี่ยวข้องต่อไป