สธ.หวั่นหวัดระบาดส่ง นศ.แพทย์รณรงค์
สธ.หวันหวัด 09 ระบาด หน้าหนาว เตรียมส่งนักศึกษาแพทย์เร่งรณรงค์ ปลัด สธ. กำชับ 11 จังหวัดคุม หวัดนก
วันนี้ (3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึง แนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในรอบ 2 ว่า เท่าที่ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า โรคดังกล่าวยังไม่ได้ไปไหน ยังมีวนเวียนอยู่ในประเทศไทย เพราะมีการตรวจพบผู้ป่วยในทุกสัปดาห์ รวมทั้งยังมีตัวเลขผู้เสียชีวิต ซึ่งจากการประเมินของสำนักระบาดวิทยาพบว่า ในช่วงฤดูหนาวจะมีโอกาสที่เชื้อไวรัสฟักตัวอยู่ได้นาน แทนที่จะตายเพราะโดนแดดใน 2-3 ชั่วโมงเหมือนหน้าร้อน แต่อาจจะอยู่ได้ยาวกว่านั้น การดูแลป้องกันจึงยากกว่า และโอกาสที่จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเช่นเดิมก็อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงต้องเตรียมความพร้อมใน 3 ส่วน คือ
1.วัคซีน โดยตนได้ให้ประเมินว่า ระยะเวลาการนำเข้าวัคซีนจะถึงเมื่อไหร่ 2.การรณรงค์ภาคประชาชน เพราะในช่วงที่ข่าวซบเซาคนจะรู้สึกว่า ไข้หวัดผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงยังอยู่ และจะกลับมาได้อีก หากเราละเลย และ 3.การเตรียมพร้อมระบบการรักษาพยาบาล ต้องเชื่อมระบบทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพราะหากประชาชนเข้าสู่ระบบการรักษาเร็ว โดยไม่ไปรักษาเอง หรือไปโรงพยาบาลที่ไม่มียา ก็จะช่วยลดการเสียชีวิตได้มาก ทั้งนี้ ตนจะพยายามเร่งเรื่องการรณรงค์ภาคประชาชน เพราะตัวเลขยืนยันว่า เรามีผู้ป่วยแล้วประมาณ 6 ล้านคน คิดเป็น 10% ของประชาชนทั่วประเทศ จึงยังเหลืออีก 90% ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ในส่วนนี้จึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองด้วยการป้องกันตัว และรอวัคซีน
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) 11 จังหวัด กลุ่มเสี่ยงในภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน เพราะช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวจะมีการระบาดของโรคไข้หวัดนก เกรงว่า จะมีการผสมพันธุ์กับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงได้กำชับให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีสัตว์ปีกป่วยตาย เช่น จ.นครสวรรค์ ที่มีการรายงานจากปศุสัตว์จังหวัดว่า มีรายงานว่า มีสัตว์ปีกป่วยตายในบางพื้นที่
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเชื้อตายล็อตแรก 1 ล้านโดส คงจะมาถึงไทยในเดือน ธ.ค. สำหรับกลุ่มที่จะได้รับวัคซีนนั้น ได้จัดลำดับความสำคัญแล้ว คือ 1.แพทย์ พยาบาล 2.คนพิการทางสมอง 3.หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุเกิน 3 เดือน 4.คนอ้วนน้ำหนักเกิน 100 กก. และ 5.ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหืด หอบ และโรคหัวใจ
นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้อากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว สิ่งที่ประชาชนควรระวัง คือ ดูแลความอบอุ่นของร่างกายไม่ให้เจ็บป่วย โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนทางภาคเหนือ และภาคอีสานตอนบน โดยโรคที่ต้องระวังก็คงเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคจากเชื้อไวรัส และโรคอุจจาระร่วงในเด็ก ซึ่งควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย.