เลขาฯ สมช. แย้ม เริ่มมีการพูดถึง "ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ" รอการเสนออย่างเป็นทางการ

เลขาฯ สมช. แย้ม เริ่มมีการพูดถึง "ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ" รอการเสนออย่างเป็นทางการ

เลขาฯ สมช. แย้ม เริ่มมีการพูดถึง "ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ" รอการเสนออย่างเป็นทางการ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงข้อเสนอล็อกดาวน์ประเทศ ว่า ได้ยินเช่นนั้นเหมือนกัน ขณะนี้รอข้อเสนอที่เป็นทางการ และจะรับพิจารณา พร้อมกับย้ำว่า ศบค. จะฟังกระทรวงสาธารณสุขเป็นอันดับแรก เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ จึงต้องนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา ส่วนจะออกมาตรการอย่างไร ต้องหารือกันอีกครั้ง ส่วนการประเมินการออกมาตรการหากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ก็จะมีการประเมินเร็วขึ้นกว่า วันที่ 12 ก.ค. แต่หากมีผู้ติดเชื้อทรงตัวก็จะยังคงเดิม แต่ยืนยันไม่ใช่การนั่งรอดูตัวเลขเฉยๆ แต่จะควบคู่ไปมาตรการ อื่นๆ เช่น การควบคุมการเคลื่อนย้าย, การรักษาพยาบาล และการจัดหาเตียงเพิ่มเติม เป็นต้น

พล.อ.ณัฐพล ยังระบุอีกว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าล็อกดาวน์ประเทศ เพราะคำว่าล็อก คือ การไม่ให้ไปไหน แต่ที่ผ่านมายังอนุญาตให้เคลื่อนย้ายได้ แต่เมื่อไหร่ที่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ไม่ว่าจะเป็นบางห้วงเวลาหรือบางพื้นที่ จะต้องมีความชัดเจนในสถานการณ์ และจะต้องมีมาตรการเพื่อเยียวยาประชาชนรองรับ เมื่อ เม.ย. 63 ใช้งบประมาณเยียวยากว่าเดือน 3 แสนล้านบาท และยังไม่ทั่วถึง ทาง ศบค. จึงมีการเน้นย้ำ ให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ แต่ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยแท้จริงหากต้นเหตุคือทั้งหมด ก็อาจจำเป็นจะต้องล็อกดาวน์ ซึ่งต้องรับฟังข้อเสนออย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่ ครม. ได้มีการอนุมัติจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 10.9 ล้านโดส พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า วัคซีนซิโนแวคยังมีประสิทธิภาพอยู่ และยี่ห้ออื่นยังไม่สามารถจัดหาได้ในเวลานี้ถ้าหากรอวัคซีนชนิดอื่นก็จะไม่มีวัคซีนฉีดให้กับประชาชน เพราะแอสตราเซเนกา ที่ทยอยเข้ามาก็ยังมีปริมาณไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องมีวัคซีนอื่นๆ โดยย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าว

ขณะวัคซีนไฟเซอร์จะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อนหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า คงต้องแบ่งสัดส่วนเนื่องจากแพทย์บางส่วนก็มีความเห็นว่า ยังสามารถรอได้แต่บางส่วนที่อยู่หน้างานก็มองว่าเสี่ยงและกังวล จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงขวัญและกำลังใจ ขอรอผลการพิจารณาจากกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขก่อน
ส่วนวัคซีนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคให้มา ส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้กับชาวต่างชาติด้วย

นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวถึงกรณีที่สถิติการเวิร์กฟอร์มโฮมของประชาชนยังไม่ถึงร้อยละ 50 ว่า ข้อกำหนดระบุไว้ว่าให้เวิร์กฟอร์มโฮมเต็มขีดความสามารถ แต่ในขณะเดียวกันหน่วยงานราชการที่ยังคงต้องให้บริการประชาชนหรือฝ่ายความมั่นคงจำเป็นที่จะต้องมาทำงาน เพราะไม่สามารถที่จะบริการประชาชนจากที่บ้านได้ แต่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ได้เน้นย้ำว่าต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันยอมรับเห็นใจภาคเอกชนบางส่วนที่ทำงานที่บ้านไม่ได้ แต่บางส่วนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ส่วนกรณีที่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนร่วมติดโบว์ดำ สวมชุดดำเพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวมถึงมีการยื่นรายชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org เรียกร้องให้เปลี่ยนวัคซีนหลักเป็น mRNA เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องวัคซีนนั้น เป็นไปตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนายแพทย์อุดม คชินทร ในฐานะที่ปรึกษา ศบค. จะรับฟังเสียงของบุคลากรทางการแพทย์ ยืนยันว่า ให้ความสำคัญทีมแพทย์เพราะทำงานอย่างหนัก และมีความเสี่ยง อย่างไรก็ตามวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ที่เดินทางมายื่นหนังสือมาขอวัคซีน ซึ่งได้เตรียมเอาไว้แล้ว วัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามาในเดือนนี้ หรืออย่างช้าเดือนหน้า โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้บริหารจัดการตามความจำเป็น ตามความเหมาะสม และตามความสมัครใจต่อไป

ส่วนกรณีที่ตนเองจะเกษียณอายุราชการในอีก 2 เดือนข้างหน้านายกรัฐมนตรี ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่กำชับให้ต้องปฏิบัติงานที่อยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุดซึ่งส่วนตัวไม่ได้ห่วงภารกิจที่ยังคงค้างอยู่ เพราะมีทีมงานที่มีความเข้าใจในเนื้องานเป็นอย่างดี ตนสามารถเกษียณอายุราชการได้อย่างสบายใจ ขณะเดียวกันปฏิเสธตอบคำถามหากนายกรัฐมนตรีจะเชิญมาปฏิบัติงานหลังเกษียณอายุราชการแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook