เปิดโผ ครม.ประยุทธ์ 2/4 ฮือฮา! ชัยวุฒิ-หลานป๋าเหนาะ มาแรง แต่ 3 ช. ลุ้นขึ้นชั้นเหนื่อย

เปิดโผ ครม.ประยุทธ์ 2/4 ฮือฮา! ชัยวุฒิ-หลานป๋าเหนาะ มาแรง แต่ 3 ช. ลุ้นขึ้นชั้นเหนื่อย

เปิดโผ ครม.ประยุทธ์ 2/4 ฮือฮา! ชัยวุฒิ-หลานป๋าเหนาะ มาแรง แต่ 3 ช. ลุ้นขึ้นชั้นเหนื่อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปรับ ครม. โควตาพลังประชารัฐ 2 ว่าที่รัฐมนตรีป้ายแดงมีชื่อ "ชัยวุฒิ-หลานป๋าเหนาะ" มาแรง ขณะที่กลุ่ม 3 รัฐมนตรีช่วย ดูเหมือนจะลุ้นขึ้นชั้นว่าการหรือโยกย้ายเปลี่ยนกระทรวงยากซะแล้ว

ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ปรับ ครม.) เพื่อทดแทนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในสัดส่วนโควตาของพรรคพลังประชารัฐนั้น ดูเหมือนจะค่อนข้างชัดเจนมากแล้วว่าจะเป็นบุคคลากรในพรรค หรือก็คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคนั่นเอง

หลังจากที่คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐมีมติเมื่อวันอังคารที่ 2 มี.ค. มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้พิจารณาบุคคลภายในพรรคที่เป็น ส.ส. เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พิจารณา

ซึ่งในเวลาต่อมา มีข่าวว่า "บิ๊กป้อม" ส่ง 2 รายชื่อว่าที่ รมต. ใหม่ให้นายกฯ ลุงตู่ พิจารณาแล้ว แม้เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่เห็นรายชื่อที่ว่านั้นก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามพอมาวันนี้ (4 มี.ค.) "บิ๊กตู่" ก็ยืนยันกับนักข่าวว่าปรับ ครม. คราวนี้จะ "ไม่มีคนนอก" เข้ามานั่งเก้าอี้เสนาบดี แถมยังเร่งให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลรีบส่งรายชื่อ รมต.ใหม่ในสัดส่วนของพรรคตัวเองมาให้ด้วย

ทีนี้มาดูกันว่ารายชื่อว่าที่เสนาบดีใหม่ในโควตาของพลังประชารัฐจะเป็นใครกันบ้าง ว่ากันว่านาทีนี้ชื่อค่อนข้างนิ่งแล้ว คนแรกคือ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ Waiting List เบอร์ 1 ซึ่งทำงานร่วมกับพรรคมาตั้งแต่ต้น มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของประเทศในสายพลังงาน

ขณะที่ข่าวบางกระแสระบุว่า นายชัยวุฒิมีความคุ้นเคยกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งทั้งคู่เป็นแกนนำในสาย กทม. ของพรรค พร้อมกับย้อนเล่าความหลังสมัยเมื่อปี 2561 ว่า พี่โอ๋ ชัยวุฒิ ผู้มีพื้นเพและฐานเสียงอยู่ที่ จ.สิงห์บุรี เป็นคนพา พี่ตั้น ณัฏฐพล และ พี่บี พุทธิพงษ์ เข้ามาพบผู้ใหญ่ในรัฐบาลเวลานั้น

แต่มา พ.ศ.นี้แล้ว ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างในพรรคว่าปัจจุบัน นายชัยวุฒิ ไม่ได้คลุกคลีกับกลุ่มก๊วนแกนนำ กทม. ของพลังประชารัฐมากนัก แต่เห็นสนิทสนมแนบแน่นกับนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ซะมากกว่า ถึงขนาดวันก่อนนักข่าวที่ไปทำข่าวการประชุมพรรคพลังประชารัฐยังเล่าว่าได้ยินเสียงท่านวิรัชกระเซ้าเรียก นายชัยวุฒิ ว่า "รัฐมนตรี"

ถึงแม้จะค่อนข้างชัวร์ว่าจะได้เข้ามาร่วมรัฐบาลประยุทธ์ 2/4 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องติดตามว่าที่สุดแล้ว นายชัยวุฒิ จะไปดำรงตำแหน่งเสนาบดีครั้งแรกในชีวิตที่กระทรวงใด ไม่ว่าจะเป็น รมว.ศึกษาธิการ หรืออาจจะเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ แทน นายอนุชา นาคาศัย ที่มีโอกาสขยับไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ หรือแม้แต่บางคนให้จับตาที่เก้าอี้ รมว.ดิจิทัลฯ ด้วยเหมือนกัน

ส่วนว่าที่รัฐมนตรีป้ายแดงอีกคน คือ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว 5 สมัย พรรคพลังประชารัฐ ผู้พกดีกรีหลานสาวนายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองรุ่นลายคราม ที่ พล.อ.ประวิตร สนิทสนมคุ้นเคยตั้งแต่สมัยเป็นทหารประจำการอยู่ที่ จ.สระแก้ว แถมยังเคยมีความพยายามผลักดันให้เป็นเสนาบดีตั้งแต่ครั้งก่อนๆ เพราะถือเป็นตระกูลการเมืองที่ยอมเปิดใจย้ายจากพรรคเพื่อไทยมาซบอก

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (3​ มี.ค.)​ พล.อ.ประวิตร เรียกตัว น.ส.ตรีนุช ให้เข้าพบ​ ซึ่งข่าวที่เล็ดลอดออกมาคือ จะให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม (ถ้าคอการเมืองพอจะจำกันได้ ภริยาของป๋าเหนาะ คือ นางอุไรวรรณ เทียนทอง ก็เคยนั่งว่าการกระทรวงนี้มาแล้วในสมัยรัฐบาลทักษิณ) แล้วสลับให้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม เจ้ากระทรวงวัฒนธรรมคนปัจจุบัน ไปดำรงตำแหน่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพราะดูเหมือนจะมีแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่คนสำคัญระดับอดีตบิ๊กทหารเลยทีเดียว

มาดูที่อีกกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวในการปรับ ครม. รอบนี้กันบ้าง ซึ่งหนีไม่พ้น "กลุ่ม 3 ช." หรือ กลุ่ม 3 ช่วย อันหมายถึง กลุ่ม 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ที่หวังจะขยับขึ้นชั้นไปนั่งเป็นเจ้ากระทรวง รวมทั้งบางรายลุ้นขอให้ได้ย้ายกระทรวงก็ยังดี

เริ่มต้นที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีข่าวมาตลอดว่าจะได้เป็น รมว.แรงงาน แทนที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น พร้อมๆ กับต้องการผลักดันให้นายไผ่ ลิกค์ (ไผ่ วันพอยท์) ส.ส.กำแพงเพชร คนใกล้ชิด เข้ามาแทนที่ตัวเองในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากผู้ใหญ่ ขณะที่นายสุชาติก็พยายามเข้าหาผู้กุมอำนาจเพื่อรักษาเก้าอี้ตัวเองไว้เช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ผู้กองคนดังยังมีข่าวอีกว่ามีลุ้นขยับมาดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แทนที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา เจ้าของเก้าอี้คนปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่เสนาบดีกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ก็มีข่าวว่าเจ้าตัวหวังจะขยับไปนั่งเพราะถือว่าเป็นโควตาเดิมตั้งแต่แรกจัดตั้งรัฐบาล

ส่วนทางด้าน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ต้องการย้ายจาก รมช.แรงงาน ไปนั่งเป็น รมช.คลัง รวมทั้งขอลุ้นขยับขึ้นชั้นรัฐมนตรีว่าการ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ใหญ่ของพรรคเหมือนกัน ถึงขนาดมีข่าวบางกระแสรายงานว่า อาจารย์แหม่ม มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

อีกรายหนึ่งในกลุ่มนี้อย่าง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ก็ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะได้ขยับขยายโยกย้ายเก้าอี้ แม้ว่าในทางการเมืองและดีกรีส่วนตัวของเจ้าตัวควรจะได้นั่งในตำแหน่งเสนาบดีแล้วก็ตาม ยิ่งลุงตู่ออกมาย้ำว่าปรับรอบนี้เป็นแค่ปรับแบบเล็กๆ เท่านั้น ยิ่งเป็นไปด้สูงมากที่กลุ่ม 3 ช. จะยังคงต้องอยู่ในตำแหน่งเดิม ณ ปัจจุบันต่อไป

ส่วนในฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรคใหญ่ คือ ภูมิใจไทย และ ประชาธิปัตย์ นั้น แม้ค่ายสีน้ำเงินดูเหมือนจะถือแต้มต่อจากการที่ขยับขึ้นมาเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลอันดับ 2 แทนที่ค่ายสีฟ้าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้รับโควตารัฐมนตรีเพิ่มเติม คงต้องจับตาการเจรจาต่อรองไปอีกสักพักน่าจะมีความชัดเจน ส่วนพลพรรคสะตอนั้นในเวลานี้บอกตรงๆ แค่ลุ้นรักษาเก้าอี้ รมช.คมนาคม เพื่อให้มาแทน นายถาวร เสนเนียม ก็หนักหนาสาหัสแล้ว ดีไม่ดีขืนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช แทนที่ นายเทพไท เสนพงศ์ เกิดแพ้ฝั่งพลังประชารัฐขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ พปชร. อาจจะมีเสียงดังในการเรียกร้องตำแหน่ง รมต. มากขึ้น จนผู้ใหญ่ในรัฐบาลอาจจะยกโควตาให้ไปก็ได้

อย่างไรก็ตาม บทสรุปของการปรับ ครม. คราวนี้ก็ชัดเจนมากๆ ว่าเป็นการตอบโจทย์ด้านการเมืองเป็นสำคัญ ยิ่งตัวผู้นำรัฐนาวาออกปากเองว่าจะพิจารณาให้เป็นไปตามโควตาของพรรคร่วมรัฐบาลก็ยิ่งไม่ต้องสงสัยอะไรให้มากความ แต่ความท้าทายก็คือประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงที่ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการระบาดอย่างหนักของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19

ก็ได้แต่หวังว่าทั้งรัฐมนตรีป้ายแดงและเสนาบดีหน้าเดิมจะมุ่งมั่นตั้งใจ รวมทั้งผสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ข้ามพ้นวิกฤตไปได้อย่างราบรื่น เพราะถ้าเปรียบเสมือนการแข่งรถ โค้งหน้าที่รออยู่นี่ระดับ "อันตราย" มากๆ เลยล่ะครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook