ไบเดนประกาศ “อเมริกากลับมาแล้ว” พร้อมแถลงปรับนโยบายต่างประเทศที่สำคัญ

วันพฤหัสบดี (4 ก.พ.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกแถลงการณ์ถึงนโยบายการต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือกับประเทศพันธมิตรเพื่อคว่ำบาตรเมียนมา ยุติสงครามในประเทศเยเมน รับผู้ลี้ภัยพมากกว่าเดิม และการปกป้องสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ทั่วโลก โดยไบเดนได้ประกาศว่า “อเมริกากลับมาแล้ว” พร้อมส่งสัญญาณว่าแผนการเรื่องนโยบายต่างประเทศของเขา จะหลีกเลี่ยงนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของโดนัลด์ ทรัมป์ และมุ่งประเด็นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากขึ้น 

ไบเดนไม่ได้เอ่ยชื่อทรัมป์โดยตรงขณะแถลงการณ์ แต่ระบุว่า เขาได้เริ่มพยายามฟื้นฟูแก้ไขสิ่งที่ผู้นำ “คนก่อนหน้า” ได้ทำเอาไว้กับชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา ในประเด็นปัญหาเรื่องประชาธิปไตยและปัญหาสิทธิมนุษยชน 

“ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้พูดคุยกับผู้นำประเทศพันธมิตรของเรา ทั้งแคนาดา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส องค์การนาโต ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เพื่อเริ่มฟื้นฟูความร่วมมือและสร้างพันธมิตรประชาธิปไตยที่แข็งแรง ซึ่งเสื่อมถอยไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ไบเดนกล่าว

ในแถลงการณ์ ไบเดนได้ระบุถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเขาในทำเนียบขาว นั่นคือ การจับกุมนายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย และรัฐประหารในประเทศเมียนมา ซึ่งไบเดนเผยว่า เขาได้หารือกับมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภา ถึงมาตรการตอบโต้เพื่อกดดันให้กองทัพเมียนมาคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน และปล่อยตัวผู้นำพลเรือน รวมถึงนางออง ซาน ซูจี

นอกจากนี้ ไบเดนยังประกาศบันทึกข้อตกลงประธานาธิบดีเรื่อง “การปกป้องสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก” รวมทั้งการต่อสู้กับการเหยียดเพศ ปกป้องผู้ลี้ภัย LGBTQ+ โดยไบเดนให้สัญญาว่าจะเพิ่มจำนวนการรับผู้ลี้ภัยที่ต้องการเข้ามาในสหรัฐเป็น 125,000 คน หลังจากที่ทรัมป์ลดจำนวนการรับผู้ลี้ภัยลงเหลือ 15,000 คน