"มารี เบิร์นเนอร์" ถอดบทเรียนหัวใจ เปิดสถานะใหม่ ไม่มีวันไหนไม่พร้อมมีความรัก

"มารี เบิร์นเนอร์" ถอดบทเรียนหัวใจ เปิดสถานะใหม่ ไม่มีวันไหนไม่พร้อมมีความรัก

"มารี เบิร์นเนอร์" ถอดบทเรียนหัวใจ เปิดสถานะใหม่ ไม่มีวันไหนไม่พร้อมมีความรัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวมากฝีมือ ตีแตกทุกบทบาท ทั้งนางเอก นางร้าย สำหรับสาวเก่ง มารี เบิร์นเนอร์ ที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าแม่กิจกรรม คิวแน่นเอี๊ยดทั้งคิวละครและคิวกิจกรรมส่วนตัว ทั้งแข่งรถ ทำเพลง ทำคลิปแต่งหน้า ทำอาหาร แถมตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังทำเอาแฟนๆ ละครอินกันหนักมากในละคร "เลดี้บานฉ่ำ" ออนแอร์ทางช่องวัน31 ซึ่งตอนนี้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายสุดเข้มข้นแล้ว ท่ามกลางความชื่นชมจากแฟนละครที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าชอบละครเรื่องนี้เอามากๆ 

ฮอตคิวแน่นขนาดนี้พลาดไม่ได้ sanook.com ขอบุกไปหาสาว มารี คว้าตัวมานั่งพูดคุยกันถึงละครเรื่องล่าสุด และเปิดจุดเริ่มต้นเส้นทางนักแข่งรถสาวของมารีที่เอาใจสาวกสายซิ่งไปเต็มๆ พร้อมกับเรื่องที่พลาดไม่ได้อย่างเรื่องหัวใจ ที่ตอนนี้โดนจับตามองหนักเหลือเกิน

โค้งสุดท้ายแล้วสำหรับละคร "เลดี้บานฉ่ำ" เราในฐานะนักแสดงการทำงานในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง?

"เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่สนุกสนานและแปลกใหม่ จริงๆ ทุกคนจะคิดว่าเป็นละครคอมมาดี้ ตลก แต่จริงๆ สำหรับเรามันไม่ใช่คอมมาดี้เลย เป็นละครชีวิต เล่าถึงมุมดราม่า เล่าถึงอุปสรรคชีวิตของเพศที่สามค่อนข้างเยอะเลย เป็นมุมที่บางทีเวลาเรามองเพศที่สามภายนอก โดยที่ไม่ได้เข้าไปสนิทกับเขาเราอาจจะไม่รู้มุมนี้ของเขาเลย เป็นปัญหาที่เพศที่สามต้องเจอในชีวิตประจำวันจริงๆ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน และความรัก เส้นเรื่องหลักๆ โดยรวมเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตของมนุษย์เลยค่ะ"

"ในเรื่องตัวละครเขาไม่ใช่ญาติกันแต่กลายมาเป็นครอบครัวที่รักกันมากยิ่งกว่าคนในครอบครัวซะอีก สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไหร่ แต่ถ้าเรามีใจ มีความหวังดีให้กัน มันสามารถเป็นคำว่าครอบครัวได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสายเลือดเดียวกัน"

มีความแปลกใหม่อะไรที่เราไม่เคยเล่นมาก่อนไหม?

"จริงๆ พล็อตละครเรื่องนี้เป็นพล็อตที่แปลกใหม่อยู่แล้ว และตัว พระนาง ค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติกว่าเรื่องอื่นๆ เพราะปกติที่มารีเคยเล่นมามันจะมีสเต็ปของมันก็ คือ อาจจะเริ่มจากพระเอกนางเอกเกลียดกัน แล้วไปจบด้วยรักกันทันที หรือไม่ก็ปิ๊งกันแต่ความรักมีอุปสรรค แต่เรื่องนี้พระ นาง จะมีความเป็นธรรมชาติในการพัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ใช่ปุบปับรักกันเลย แต่เหมือนมารู้จักกันผ่านเรื่องราวมาด้วยกันแล้วชอบกันไปเอง ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างมีความเป็นมนุษย์มากๆ ไม่ค่อยเหมือนพล็อตละครทั่วไปที่เคยเล่นเลยค่ะ"

 "ส่วนเรื่องการถ่ายทำเรื่องนี้สนุกมาก ถ่ายต่างจังหวัดค่อนข้างเยอะ ใช้คิวแน่นมากและใช้กล้องหนังถ่าย เรียกว่าทุ่มเทมากๆ อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่สนุก ทุกคนน่ารักมาก อย่างกับ ตรี เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกันแต่เราก็แฮปปี้กับการทำงานด้วยกันมาก เพราะเขาเป็นคนน่ารัก เป็นเด็กน่ารัก และเรื่องงานมาเต็ม ทำการบ้านเยอะมาก ตั้งใจเล่นมากจนเราเองรู้สึกได้เลยว่าเขาทุ่มเท กลายเป็นเราอยู่ด้วยกันเยอะจนสนิทกันไปเลย"

แต่ตัวละครก็มีส่วนที่เหมือนมารีอยู่เหมือนกัน?

"อย่างที่บอกว่าตัวละครเรื่องนี้เขามีความเป็นมนุษย์มาก ตัวนางเอกที่เราแสดงเขาก็จะเหมือนเราที่เวลาเขามีความสุข มีเรื่องให้ยิ้ม เขาก็จะแสดงออกด้วยความร่าเริง แต่เวลาที่มีเรื่องเครียด หรือ เจออะไรเจ็บมาก็พังเหมือนกัน ก็เหมือนตัวเราเองจริงๆ ที่ชีวิตก็เป็นแบบนั้น ทุกอย่างมันจริงมันกลมมากๆ แถมยังดูได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ ทำให้เราชอบละครเรื่องนี้ค่ะ"

มารีและนักแสดงในเรื่องเลดี้บานฉ่ำมารีและนักแสดงในเรื่องเลดี้บานฉ่ำ

ช่วงหลังมานี้เห็นมารีในบทบาทต่างๆ มากขึ้นนอกจากงานแสดงเร็วๆ นี้จะได้เห็นอะไรแปลกใหม่จากเราอีกไหม?

"มีแน่นอนค่ะ แต่ยังบอกไม่ได้เลยว่าเป็นอะไร ต้องรอชมกัน ส่วนเรื่องงานเพลงแอบบอกได้แค่ว่าเดี๋ยวมีเพลงเพิ่ม แต่จะเป็นแนวไหน เนื้อหายังไง ต้องคอยติดตามนะคะ เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวว่ากัน ตอนนี้กำลังทำอยู่ (หัวเราะ) เพราะเราก็ทำไปเรื่อยๆ สไตล์เรา"

อย่างการเป็นนักแข่งรถ จุดเริ่มต้นบนเส้นทางนี้ของเราเริ่มจากตรงไหน?

"เริ่มจากเรารู้จักกับคนที่เขาอยู่ในวงการนี้เขาก็ถามๆ มาว่าเราสนใจไหมซึ่งเราก็สนใจมากเพราะเราชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจลุยเลย"

เริ่มมาทางสายนี้นานหรือยัง เพราะดูแล้วไปได้ดีมาก?

"ยังไม่ถึงปีเลยค่ะ แต่เหมือนเป็นสิ่งที่เริ่มจากความชอบของเราเป็นพื้นฐานอยู่แล้วด้วย เราเลยตั้งใจมากๆ พออะไรที่มันมาจากความตั้งใจมันเลยออกมาค่อนข้างดีค่ะ แต่ถามว่าทำไมถึงชอบความเร็ว ความท้าทาย อันนี้ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันนะคะ (หัวเราะ) แต่เท่าที่รู้สึกได้ คือ เราชอบอะไรลุยๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว กิจกรรมตอนเด็กก็จะเล่นพวก โรลเลอร์เบลด ไอซ์สเก็ต ชอบปีนต้นไม้ มีความผาดโผน ชอบเข้าบ้านผีสิงอะไรแบบนี้ค่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช่สาวหวานเลย"

จากภาพที่เราแค่มองการแข่งรถกับตอนที่ได้ไปสัมผัสจริงๆ ความรู้สึกเรามันต่างกันมากไหม?

"ต่างมากค่ะ ตอนแรกเราคิดว่าถ้าแค่ใจเราสู้ ใจเรากล้ายังไงก็ขับได้ ขับเร็วแน่นอน แต่พอเอาเข้าจริงมันยากมาก (ลากเสียงยาวๆ) เพราะแค่การจะทำเวลาให้ดีขึ้น 1 วินาที ทุกอย่างมันต้องเป๊ะมาก เราต้องใจเย็นในขณะที่ต้องไม่ใจเย็นเกินไป ที่สำคัญต้องมีสติและสมาธิมาก"

"ทุกอย่างเป็นการคำนวณ คำนวณว่าเราจะเข้าโค้งยังไง เราจะเดินคันเร่งยังไง จะวางไลน์แบบไหน มันไม่ใช่แค่การแค่ขับๆ ไป เพราะทุกอย่างหากเราพลาดจากการคำนวณไปแค่นิดเดียวมันสามารถทำให้เวลาเราเสียไปได้เลย จริงๆ มันเหมือนการแข่งกับตัวเองก่อนมากกว่า อย่างมารีเองเราไม่ได้แข่งเพื่อแค่เอาตำแหน่งที่หนึ่ง แต่เราแข่งที่จะพัฒนาตัวเองด้วยค่ะ"

กังวลเรื่องอุบัติเหตุบ้างไหม?

"ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวค่ะ แต่ตื่นเต้นมากกว่า เรามองว่าเรื่องอันตรายกับการแข่งขันมันต้องมีอยู่แล้ว แต่เราว่ามันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วยว่าเราจะป้องกันตัวเองมากน้อยแค่ไหน คือ ถ้าถึงขนาดเราเซฟตัวเองมากจนไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าแซงใคร มันก็คงไม่รอด แต่ว่าเราก็ไม่ควรใจร้อนหรือประมาทจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ นอกจากเซฟตัวเองแล้วเราก็ต้องเซฟรถด้วยค่ะ เพราะสมมติเราแข่งแล้วเอารถไปชน รถต้องซ่อมในขณะที่เรามีแข่งต่อ เราก็อาจจะพลาดโอกาสนั้นไป เราก็ต้องระมัดระวังค่ะ"

จากความชอบกลายมาเป็นความจริงจังแล้ววางแผนเส้นทางนักแข่งรถนี้ไว้ยังไงบ้าง?

"คิดว่าจะแข่งไปเรื่อยๆ ค่ะ อยากท้าทายตัวเอง อยากเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็แต่โอกาสของเราด้วย ถ้ายังมีโอกาสที่จะได้ทำก็จะทำไปเรื่อยๆ ส่วนถ้าถามว่าคาดหวังกับเส้นทางนี้ไหมก็คาดหวังนะคะ แต่เราก็ยอมรับว่าเรามีเวลาไม่มากที่จะทุ่มเทกับตรงนี้เท่าคนอื่น เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ซ้อมบ่อยๆ เหมือนคนอื่น ทุกวันนี้เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่า แค่เราพัฒนาตัวเองขึ้ทุกครั้งที่ลงสนามแค่นั้นก็แฮปปี้แล้ว ซึ่งตอนนี้เองเราก็พอใจในการพัฒนาของตัวเองและคาดหวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ"

มารี ในลุคสาวนักซิ่งมารี ในลุคสาวนักซิ่ง

"การแข่งรถถือว่าเป็นกีฬาที่เรายิ่งทำยิ่งชอบ เป็นสิ่งที่ทำให้เราใจเต้นแรง เวลาจะลงสนามแต่ละทีทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว บางทีก็คิดนะว่า โอ้ย ทำไมเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย (หัวเราะ) เพราะเหมือนทำให้ตัวเองทั้งกังวล ทั้งเครียด แต่พอถึงเวลาลงสนาม หรือแข่งเสร็จแล้ว กลับคิดแต่ว่า สนามต่อไปเมื่อไหร่อ่ะ? (หัวเราะ)"

นอกจากเล่นละคร ร้องเพลง นักแข่งรถ แล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกเยอะเลย ทำไมถึงลุกขึ้นมาทำอะไรเมากมายในช่วงนี้?

"เรารู้สึกว่าลุกขึ้นมาทำทุกอย่างในสิ่งที่เราเคยอยากจะทำแล้วยังไม่ได้ทำ เอาจริงๆ เพิ่งเริ่มมีกิจกรรมเยอะๆ แค่ไม่นานเอง ถ้าลองทำแบบนี้ไปสัก 3 ปี รับรองว่าแน่นกว่านี้เยอะ ตอนนี้ก็มีทำเรื่องแต่งหน้า กลับไปขี่ม้า อยากกลับไปทำก่อนที่เราจะเกินวัยที่ทำได้"

อะไรทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าต้องลุกมาทำสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว?

"อย่างแรกเลย คือ เรามีเวลา "เราโสด" คนรอบๆ ตัวเราเริ่มมีครอบครัวกันหมดแล้ว ทำให้เราเห็นชีวิตคนที่พอแต่งงานมีลูกแล้วก็จะไม่มีเวลามาทำอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่เพราะเขาต้องโฟกัสที่ครอบครัว ซึ่งตัวเราทั้งชีวิตที่ผ่านมาเป็นคนโฟกัสเรื่องแฟนมาก แต่ตอนนี้เราอยากโฟกัสที่ตัวเองก่อน ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากมีครอบครัวนะคะ หมายถึงว่าในเมื่อตอนนี้เรามีเวลาและมีโอกาสเราก็อยากทำในสิ่งที่เราอยากทำก่อน เพราะตัวเรารู้อยู่แล้วว่าเรามีครอบครัว เราหลงใหลในการมีความรักเรื่องครอบครัวอยู่แล้ว มีความอยากมีลูก เราเลยรู้สึกว่าในเมื่อนี่อคืออสิ่งที่เราต้องการเราก็ทำ ก่อนที่วันนึงเรารู้อยู่แล้วว่าเราจะไม่มีเวลาได้ทำค่ะ"

ถ้าพูดถึง "ความรัก" หัวใจตอนนี้พร้อมกับความรักครั้งใหม่หรือยัง?

"ก็ไม่เคยไม่พร้อมนะ (ยิ้ม) เพราะเราไม่รู้หรอกว่าความรักมันจะมาเมื่อไหร่ มันไม่ใช่อะไรที่วัดได้ด้วยเวลาเลย คนเราเวลามีประสบการณ์อะไร อย่างเราเคยอกหัก เราเสียใจ โอเคว่ามันก็ใช้เวลา แต่พอเราหาย เราดีขึ้นมันก็โอเค ก็จะมีบางคนที่บอกว่าให้เราอยู่คนเดียวก่อนสักปี สองปี"

"แต่เรารู้สึกว่า ไม่เกี่ยวกับระยะเวลาหรอก และ มันไม่ใช่แค่ว่าใจเราพร้อมเมื่อไหร่แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเปิด หรือ ปิดใจ แต่บางทีการที่เราจะเปิดใจ หรือ ปิดใจมันขึ้นอยู่กับคนที่เราเจอมากกว่า ถ้าเราเจอคนที่เราอยากเปิดใจให้เขา ถึงวันนั้นเป็นวันที่สมองเราตั้งใจว่าจะปิดใจนะ สุดท้ายเราก็ต้องเปิดอยู่ดี"

"มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องที่ควบคุมได้เลย ก็เลยรู้สึกว่าแล้วแต่เลยจะมีเข้ามาก็เข้ามา ถ้าดี สบายใจ ไปกันได้ก็พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่แล้วค่ะ"

ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาใช่ไหม?

"ก็มีบ้างเป็นปกติอยู่แล้วค่ะ มีคนเข้ามาคุยแต่ก็ไม่ได้มีใครที่คืบหน้ามากมายอะไรขนาดนั้น เพราะตอนนี้เรารู้สึกเอ็นจอยกับการใชัชีวิตตัวเองด้วยก็เลยไม่รีบ เรื่องผู้ชายก็ให้เป็นไปตามที่เหมาะสม"

เราเองก็ค่อนข้างเยียวยาหัวใจตัวเองได้ดีเหมือนกัน?

"ก็ไม่เชิงว่าหายเร็วหรอกแต่ว่ามันจะมีคนที่แบบเวลาคบกัน มีปัญหากันก็จะเก็บๆ ๆ แล้วพอถึงเวลาเลิกกันก็ทำใจยากเพราะที่ผ่านมาไม่ได้ระบายสิ่งเหล่านั้นออกมาเลย ถึงเวลาที่เลิกจริงๆ ก็ไม่มีคนคนนั้นคอยปลอบใจแล้ว ก็เลยอาจจะทำใจยาก แต่สำหรับเราจะเป็นคนที่ถ้าเรารู้สึกเราจะพูด ถ้าเราเสียใจเราจะพูด อยากร้องไห้เราก็ร้อง ไม่ใช่คนเก็บอารมณ์ไว้ที่ตัวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อมันถึงจุดที่เราว่าเราไปต่อไม่ได้แล้วมันกลายเป็นว่าเราได้ปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกไปหมดแล้ว"

มารี เบิร์นเนอร์มารี เบิร์นเนอร์

"คนก็อาจจะคิดว่ามูฟออนเร็ว แต่เปล่าเลย เราแค่ทำใจกับปัญหาแต่ละอย่างมาก่อนอยู่แล้ว  มันไม่ใช่การทำใจเผื่อเลิกนะ แต่เป็นการทำใจกับปัญหา ณ ปัจจุบันตอนนั้น เราไม่ได้หลอกตัวเองว่ามันสวยงามแต่ปล่อยให้ตัวเองสามารถเสียใจได้ พอถึงเวลาที่เราไม่โอเคแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเราถึงเวลานั้นก็เลยอาจจะทำให้มองว่าเข้มแข็งเร็วค่ะ"

ความรักครั้งต่อไปมองอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด?

"จริงๆ ไม่เคยมีสเปคเลยอ่ะ (หัวเราะ) เหมือนแรนดอม ถูกใจใครก็ไปตามนั้น เพราะเป็นคนตามใจตัวเองมากในเรื่องนี้ คนที่คบที่ผ่านมาก็ไม่เคยเหมือนกันสักคน แต่ เราก็รู้สึกว่าอยากได้คนที่คล้ายกันกับเรา มีความคิดที่ใกล้เคียงกัน มีสถานการณ์ชีวิตที่ดูไปด้วยกันได้ ถ้าเราเห็นอุปสรรคอะไรที่มองว่าน่าจะเป็นปัญหาในอนาคตได้เราก็อาจจะไม่ได้กล้าเสี่ยงมากเท่าตอนเด็กๆ"

"เพราะตอนเด็กๆ เราก็โอเคหมด อายุน้อยกว่าเหรอ ไม่เป็นไร ยังเรียนไม่จบเหรอ ไม่เป็นไร ได้หมดถ้าใจรัก เดี๋ยวก็โตไปด้วยกันนะ แต่เอาจริงๆ ถึงเวลามันก็ไปกันค่อนข้างยาก แต่ไม่ได้บอกว่าการโตไปด้วยกันมันเป็นไปไม่ได้นะ มันก็อยู่ที่อีกฝ่ายด้วย เขาอาจจะไม่ได้อยากโตไปพร้อมเราก็ได้"

"ตอนนี้ก็คงอยากคบคนที่โตกว่า ไม่ใช่โตกว่าเพื่อจะได้แต่งงาน แต่อยากคบคนที่โตกว่าเพื่อที่เขาจะได้มีความมั่นคงในการเป็นตัวเอง อยากคบคนที่เขามีความเป็นตัวของตัวเองในระดับหนึ่งแล้ว เพราะอายุประมาณเราเองบางคนอาจจะยังอยู่ในช่วงที่นิสัยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค้นหาตัวตนอยู่"

"บางคนก็เจ้าชู้ แล้วก็เปลี่ยนเป็นไม่เจ้าชู้ อยู่ดีๆ ก็ขี้เกียจทำงาน หรือ อยู่ดีๆ ก็ไปมุ่งมั่นทำธุรกิจ อะไรแบบเนี้ยนึกออกไหมคะ ในขณะที่เรายังหาตัวเองไม่เจอ แต่ก็พยายามหาคู่ ซึ่งคู่เราก็อาจจะยังหาตัวเองไม่เจอเหมือนกัน โอกาสที่มันจะจูนเข้าหากันก็ยาก ที่บอกว่า อยากคบคนที่โตกว่าไม่ใช่โตด้วยอายุนะคะ แต่โตในเรื่องความคิด ความเข้าใจค่ะ"

ประสบการณ์ความรักครั้งที่ผ่านๆ มามันสอนอะไรเราบ้าง?

 "ความรักที่ผ่านๆ มา มันสอนให้เรารักตัวเอง เพราะไม่มีใครรักเราได้เท่าตัวเราเอง ต่อให้เรารักใครมากขนาดไหน มันไม่ได้แปลว่าเขาจะรักเรากลับมากขนาดนั้นเหมือนกัน ต่อให้เราพร้อมที่จะให้ใครมากขนาดไหนเขาก็อาจจะไม่ได้พร้อมที่จะให้เรามากขนาดนั้น"

"แต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่นะว่า ถ้าวันนึงเจอคนที่มันใช่จริงๆ เราสามารถให้เขาหมดได้ แต่เราก็ต้องมั่นใจจริงๆ ก่อนว่าเราให้เขาหมด เขาก็จะให้เราหมดเหมือนกัน และจะบอกว่าเมื่อเราให้ไปหมดแล้วไม่ใช่ว่าเราเสียทั้งหมดนะ เพราะถ้าคนนั้นเขาใช่เขาก็จะให้เราหมดเหมือนกัน เราจะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับที่มาเจอกันตรงกลางพอดี"

มารี เบิร์นเนอร์มารี เบิร์นเนอร์

"มันดีกว่าความสัมพันธ์ที่ให้กันมาคนละ 50 เพราะนั่นมันก็จะมีความกั๊กๆ กันอยู่ เราเองเป็นคนเชื่อในความรักที่ไปให้สุด แต่ต้องไปให้สุดทั้งสองฝ่ายค่ะ ก็คงต้องดูกันไปนานๆ ว่าชีวิดเราจะไปเจอกันตรงกลางในรูปแบบไหน"

"ถามว่าพอผ่านอะไรมาเยอะทำให้เราดูคนนานขึ้นไหม ก็ไม่ได้นานเท่าไหร่ แต่อาจจะดูละเอียดขึ้นมากกว่า หมายถึงเราสนใจเรื่อง มุมมอง ความคิดเห็น ทัศนคติ นิสัยพื้นฐาน มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน"

มีอะไรที่เรายืนกรานเลยว่าไม่เอาเด็ดขาดในความสัมพันธ์ ?

"ต้องไม่เอาเปรียบเราในทุกๆ เรื่อง การเอาเปรียบสำหรับเราก็ คือ การนอกใจ การเจ้าชู้ การกระทำทุกๆ อย่างที่ไม่ดีสำหรับอีกคน ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต ความใส่ใจ เพราะเรารู้สึกว่าคนรักกันไม่ควรจะเอาเปรียบกันค่ะ"

อย่างตัวเราเองล่ะ ถ้าให้มองตัวเองในฐานะคนรัก ยังมีอะไรที่เรายังทำได้ไม่ดีไหม?

"ก็มีนะ รู้สึกว่าเราอยากปรับปรุง แต่ตอนนี้คิดไม่ออก (หัวเราะ) เพราะว่าเราก็ไม่ได้ปฏิบัติกับทุกคนเหมือนๆ กัน มันขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเราเจออะไรด้วย"

แต่ปลายทางของเราก็อยากแต่งงาน มีครอบครัวใช่ไหม?

"ใช่ๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องหาแฟนให้เร็วที่สุด หรือต้องมีลูกให้เร็วที่สุดอะไรขนาดนั้น แต่ ถ้าเราเจอคนที่ใช่จริงๆ ที่เราอยากจะใช้ชีวิตกับเขาตลอดไปเราก็คงอยากมีลูกกับคนนั้น"

ถ้ามีรักครั้งใหม่แล้วจะเปิดตัวไหม?

"(หัวเราะ) จริงๆ ก็ไม่ใช่คนปิดอยู่แล้ว โอเคเราเป็นนักแสดงแต่เราไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นดารา เรายังมีพาร์ทชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป สมมติว่ามีแฟน เราก็อยากไปเดินห้าง ดูหนังกินข้าว ทำอะไรแบบที่คนทั่วๆ ไปเขาทำกัน เราคงไม่มานั่งแอบใครเพราะมันไม่ใช่นิสัยเรา"

 คุยกันเต็มที่มากๆ สำหรับวันนี้สุดท้ายอยากให้มารีฝากถึงแฟนๆ หน่อย?

"ก็ฝากเลดี้บานฉ่ำด้วยนะคะ อยากให้ดูจริงๆ เพราะเป็นละครที่แปลกใหม่ ให้เราได้เห็นมุมใหม่ๆ ที่ไม่ได้เห็นมาก่อน นอกนั้นก็ฝากผลงานอื่นๆ ที่กำลังจะตามมา น่าจะมีเพลงที่จะปล่อยเร็วๆ นี้ รอติดตามกันว่าจะเป็นแนวไหนยังไง ส่วนสนามแข่งรถก็มาคอยลุ้นกับการแข่งขันกันค่ะ ฝากเชียร์และส่งกำลังใจให้มารีด้วยนะคะ ส่งใจมาเฉยๆ ก็ยังดี ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยค่ะ"

ยิ่งได้คุยกับสาว "มารี"  นานเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าสาวคนนี้มีเรื่องน่าค้นหาและน่าสนใจอีกมากมาย โดยเฉพาะความคิด มุมมองที่แสดงความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใครของเธอออกมาได้เป็นอย่างดี ยังไงแฟนๆ ของเธอก็อย่าลืมติดตาม เลดี้บานฉ่ำ โค้งสุดท้ายก่อนลาจอกันไป พร้อมกับช่วยกันลุ้นส่งกำลังใจให้เธอในผลงานอื่นๆ ต่อไปด้วย รับรองว่าเจ้าแม่กิจกรรมคนนี้ มีอะไรเด็ดๆ มาฝากอีกแน่นอน

อัลบั้มภาพ 41 ภาพ

อัลบั้มภาพ 41 ภาพ ของ "มารี เบิร์นเนอร์" ถอดบทเรียนหัวใจ เปิดสถานะใหม่ ไม่มีวันไหนไม่พร้อมมีความรัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook