คดีอลเวง อดีตเจ้าอาวาสข่มขืนเด็ก 13 จนท้อง ผลดีเอ็นเอเด็กไปตรงกับคนขับรถ

คดีอลเวง อดีตเจ้าอาวาสข่มขืนเด็ก 13 จนท้อง ผลดีเอ็นเอเด็กไปตรงกับคนขับรถ

คดีอลเวง อดีตเจ้าอาวาสข่มขืนเด็ก 13 จนท้อง ผลดีเอ็นเอเด็กไปตรงกับคนขับรถ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นเรื่องอลเวง หลังเจ้าอาวาสวัดที่เคยถูกจับฐานข่มขืนเด็กอายุ 13 ปีคาวัด จนตั้งท้อง แล้วปฏิเสธว่าเด็กไม่ใช่ลูก ผล DNA ออกล่าสุดไปตรงกับคนขับรถของเจ้าอาวาส ถึงบ้างอ้อ ทั้งเจ้าอาวาส และคนขับรถร่วมกันข่มขืน ตำรวจ ปคม.ตามรวบคนขับรถถึงบ้าน

(15 ต.ค.63) พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผู้บังคับการการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) สั่งการให้ พ.ต.อ.ณัฎฐ์ สุวรรณวัฒนะ ผกก.3บก.ปคม. นำหมายศาลเข้าจับกุม นายธณกร อายุ 50 ปี  หลัง น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ซัดทอดว่าเป็นคนร่วมกับ นายสุริยพร อายุ 53 ปี หรือพระอาจารย์สง่า อดีตเจ้าอาวาส ข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่อายุ 13 ปี

การซัดทอดดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา ผู้ปกครอง น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองสองห้อง ว่าถูกพระอาจารย์สง่า ข่มขืนลูกสาว จนตั้งท้องได้ 5 เดือน และจากการสอบถาม น.ส.เอ๋ ยังทราบอีกว่า เจ้าอาวาสได้ล่วงละเมิดตั้งแต่ปี 2557 ตอนนั้น อายุ 13 ปี กุฏิของพระอาจารย์พร้อมถ่ายคลิปไว้ไม่ให้นำเรื่องไปบอกใคร และสั่งให้ ด.ญ.เอ๋ ตอนนั้น มาหาที่วัดเป็นประจำ จนกระทั่งเรื่องมาแดงตอนที่ น.ส.เอ๋ ตั้งท้องได้ 5 เดือน เมื่ออายุได้ 18 ปี

ต่อมาได้มีการเจรจาตกลงจ่ายค่าทำขวัญเป็นจำนวนเงิน 150,000 บาท เป็นค่าเสียหาย โดยตำรวจระบุว่า น.ส.เอ๋ อายุเกินกว่า 18 ปี สามารถยอมความกันได้ ก่อนเจ้าอาวาสจะย้ายออกจากวัดไป 

โดยต่อมานายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม พร้อมตำรวจ ปคม.เข้าร่วมจับกุม นายสุริยพร อดีตเจ้าอาวาส คนเดิม เนื่องจากตอนนายสุริยพรข่มขืน เด็กอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น โดยอดีตเจ้าอาวาส ยอมรับว่าข่มขืนจริง แต่เด็กในท้องไม่ใช่ลูกของตัวเอง ชุด ปคม.จึงทำการตรวจ DNA น.ส.เอ๋ กับอดีตเจ้าอาวาส

ล่าสุดผล DNA ออกมาไม่ตรงกับอดีตเจ้าอาวาส แต่ไปตรงกับ นายธณกร อายุ 50 ปี คนขับรถของเจ้าอาวาส ตามที่ น.ส.เอ๋ ให้การก่อนหน้านี้ ว่ามีผู้ร่วมข่มขืนรวม 2 คน คือตัวเจ้าอาวาส กับคนขับรถ

เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็นด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้น อยุ่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง"

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่นายธณกร ให้การรับสารภาพว่า ได้มีเพศสัมพันธ์กับเด็กจริง แต่ไม่ได้เป็นการรุมโทรม ตามที่ตำรวจกล่าวหา ส่วนสาเหตุที่ลงมือกระทำ เพราะอยากให้เด็กพ้นออกจากเจ้าอาวาส เพราะสงสารเด็กและเป็นการไม่สมควร ประกอบกับตนเองเคยชอบแม่ของเด็กมาก่อนตอนเป็นสาว อยากจะให้ลูกเป็นตัวแทนของแม่ จึงลงมือข่มขืน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook