ศึกบิณฑบาตข้ามเขต ผ้าเหลืองเฒ่ารำมวยใส่กันกลางตลาด ถูกจับลั่นสึกก็ได้ ไม่ง้อมีเงินเป็นล้าน
จากการสอบถามเบื้องต้น พระปทุม ให้การว่า ตนไม่ได้กินเหล้า เนื่องจากตนจะพูดเสียงอ้อแอ้คล้ายคนเมามาตั้งแต่เกิด ตนบวชมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 เป็นพระลูกวัด อยู่ที่วัดสันติวัน บ้านหมู่ 3 ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ทุกเช้าจะมาบิณฑบาตที่ตลาดเทศบาล 3 โดยใช้ย่ามแทนบาตร เพราะมือข้างซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ ส่วนมือข้างขวาต้องถือไม้ตะพดเป็นไม้เท้า และทุกวันก็จะเจอกับพระวิเชียร ที่ชอบขู่ว่าจะแจ้งตำรวจจับตน ก็ไม่รู้ว่าจะให้จับเรื่องอะไร และตนก็ไม่ได้ชกต่อยพระวิเชียร
ด้านพระวิเชียร ให้การว่า เมื่อหน้ากัน ได้ถามพระปทุมว่า เป็นพระวัดไหน จู่ ๆ พระปทุมก็รำมวยใส่ เลยยกมือปกป้องแล้วหันหลังเดินหนี พระปทุมยังพยายามจะใช้ไม้ตะพดไล่ตีอีก แม่ค้าในตลาดเลยเข้าห้ามปรามและตะโกนไล่พระปทุม ก่อนแจ้งตำรวจให้มาช่วยระงับเหตุ เพราะเกรงว่าพระปทุมจะทำร้ายตนอีก อย่างไรก็ตาม ไม่ขอแจ้งความเอาเรื่องใด ๆ แต่ขอให้พระปทุมสึก เพราะทำให้วงการศาสนาเสื่อมอย่างยิ่ง หากมีพระที่ประพฤติตนเช่นนี้
พระปทุม กล่าวว่า ตนสึกก็ได้ เพราะมีเงินเป็นล้านที่ได้มาจากการขายที่ดินมรดก จากนั้นก็หยิบสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 4 เล่ม ออกมาโชว์ มีตัวเลขปรากฏในบัญชีรวมแล้วกว่า 1 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาพระปทุมไปพบพระครูสุนทรกิตวิธาร เจ้าคณะตำบลอำเภอเมืองเขต 2 และเจ้าอาวาสวัดใหม่อภัยยาราม เพื่อให้ทำการสึก
พระครูสุนทรกิตวิธาร ได้สอบถามและอบรมว่ากล่าวพระปทุมนานกว่า 10 นาที จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปตรวจสอบใบสุทธิที่พระปทุมบอกว่าอยู่ที่กุฏิภายในวัดสันติวัน หากมีใบสุทธิถูกต้องก็ให้เจ้าอาวาสวัดดำเนินการตามความเหมาะสม และกล่าวคาดโทษกับพระปทุมว่า อย่าเข้ามาก่อเหตุวุ่นวายหรือบิณฑบาตในตลาดร่วมใจและตลาดใต้อีก และอย่ามาให้เห็นหน้าโดยเด็ดขาด หากไม่เชื่ออาจจะมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเช่นพระภิกษุรูปอื่นที่ไม่เชื่อฟัง เพราะบาปกรรมสมัยนี้ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า และหลังจากตำรวจไปตรวจสอบแล้วพบว่าพระปทุมมีใบสุทธิและเป็นพระลูกวัดวัดสันติวันจริง จึงให้เจ้าอาวาสวัดดำเนินการตามวินัยสงฆ์ต่อไป