ผู้ปกครองเด็กอนุบาลปลายนิ้วขาด เดินหน้าดำเนินคดีกับโรงเรียน ชี้ให้เวลามาเป็นเดือนแล้ว

จากกรณีที่มีผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนอนุบาลพรรณี ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมือง เชียงรายเพื่อให้เอาผิดกับทางโรงเรียนและคณะครู ที่ทำประตูห้องเรียนหนีบนิ้วของ นักเรียนชาย อายุ 3 ปี 3 เดือน ซึ่งเคยเรียนอยู่ชั้นเตรียมอนุบาลของโรงเรียนดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บจากประตูภายในโรงเรียนหนีบตรงปลายนิ้วมือซ้าย จนเนื้อขาดหลุดออกไปนั้น 

• เปิดคลิปนาทีประตูหนีบมือเด็ก 3 ขวบ ปลายนิ้วขาด โรงเรียนยอมรับครูเลินเล่อ
• ครูอ้างลมพัดประตู หนีบมือเด็ก 3 ขวบ "นิ้วขาด" แม่ดูภาพวงจรปิดเห็นชัดๆ ตั้งใจปิดประตูใส่

ล่าสุดทางโรงเรียนอนุบาลพรรณี ได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์ฝาครอบบานประตู และตัวรองประตูห้องเรียนทุกห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับเด็กนักเรียนคนอื่นอีก

ขณะเดียวกันทางโรงเรียนได้ออกหนังสือชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้น แจ้งถึงผู้ปกครองของนักเรียนทุกคน โดยเนื้อหาระบุว่า

กรณีดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริงในระดับเตรียมอนุบาล ซึ่งเป็นอุบัติเหตุ มิได้เป็นการจงใจทำร้ายเด็กแต่อย่างใด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเด็กนอนหลับ แต่เด็กคนดังกล่าวไม่นอน ดื่มนมกล่องเดินไปมา ทางคุณครูจึงให้น้องเอากล่องนมไปทิ้งถังขยะที่หน้าห้องเรียน โดยบริเวณนอกห้องจะมีคุณครูหัวหน้าตึก และครูธุรการประจำตึกคอยเดินดูแลตรวจสอบความเรียบร้อยของเด็กทุกห้องเรียน ครูผู้ช่วยอยู่ด้านในได้ปิดประตู โดยไม่ทราบว่าน้องจับประตู จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บที่นิ้วซ้าย ซึ่งถือเป็นการประมาทเลินเล่อ ทางโรงเรียนจึงย้ายหน้าที่ครูผู้ช่วยไปทำหน้าที่ทางธุรการแทนและจะมีมาตรการลงโทษต่อไป

นอกจากนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางโรงเรียนจึงได้บริหารจัดการจุดเสี่ยง โดยติดแผงกั้นขอบประตูทุกห้อง หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้ 3 วัน ที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้รับผิดชอบในการรักษาพยาบาลเด็กมาโดยตลอด มิได้ละเลยตามที่มีข่าวออกไป และขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเรียกร้องค่าเสีย ซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ แต่ผู้ปกครองนำไปเผยแพร่เกิดเป็นกระแสข่าวขึ้นมา 

ทางโรงเรียนตระหนักดีว่าโรงเรียนต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก จึงได้ทำการป้องกันและเน้นย้ำบุคลากรทุกคน จึงเรียนชี้แจงผู้ปกครองได้คลายความกังวลในเรื่องดังกล่าว ลงนามโดย นางสาวสายอรุณ ประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลพรรณี

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางผู้ปกครองอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายกับทางโรงเรียน และไม่พร้อมเจรจา โดยล่าสุดทางผู้ปกครองได้ไปขอใบรับรองแพทย์กับทางโรงพยาบาลศรีบุรินทร์ เพื่อประกอบสำนวนว่าเด็กมีอาการบาดเจ็บสาหัสหรือไม่

ทางด้านน้าสาวของ ด.ช.ที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ทางผู้ปกครองได้ให้โอกาสกับทางโรงเรียนได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทางโรงเรียนกลับเพิกเฉย ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานกว่า 1 เดือน ก็ยังไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของทางผู้ปกครอง อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลจะจ่ายเพียงเงินประกันเพียง 10,000 บาท ส่วนที่เหลือทางผู้ปกครองจะต้องออกเอง ซึ่งมีค่ารักษาพยาบาลถึง 48,000 บาท ทั้งที่ไม่ได้เป็นความผิดของเด็ก ผู้ปกครองพยายามเจรจาของคำตอบจากผู้อำนวยการโรงเรียนจนถึงวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีการติดต่อใดๆมา จึงดำเนินเรื่องตามขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อขอความเป็นธรรมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น