สาวไทยวัย 21 ปี ศัลยกรรมหน้าอกดับที่เกาหลีใต้ เคราะห์ซ้ำโรงพยาบาลไม่รับผิดชอบ

สาวไทยวัย 21 ปี ศัลยกรรมหน้าอกดับที่เกาหลีใต้ เคราะห์ซ้ำโรงพยาบาลไม่รับผิดชอบ

สาวไทยวัย 21 ปี ศัลยกรรมหน้าอกดับที่เกาหลีใต้ เคราะห์ซ้ำโรงพยาบาลไม่รับผิดชอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อแม่เป็นทุกข์ ลูกสาววัย 21 ปี ศัลยกรรมหน้าอกที่เกาหลีใต้แล้วเสียชีวิต โรงพยาบาลเงียบหายให้หาทนายฟ้องเอง

(12 ก.ย.63) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหญิงสาวไทยไปทำศัลยกรรมหน้าอก ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ แล้วเกิดเสียชีวิต ญาติส่งศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.เพชรบูรณ์ บ้านเกิด แต่โรงพยาบาลที่เคยบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง กลับเงียบหายไป และให้หาทนายที่ประเทศเกาหลีใต้ฟ้องค่าเสียหายเอง วอนหน่วยงานของรัฐช่วยเหลือ เพราะฐานะทางบ้านยากจน ไม่มีเงินจะว่าจ้างทนาย

เดินทางไปตรวจสอบ พบ น.ส.สมปอง อายุ 42 ปี และนายชัยวิชิต อายุ 42 ปี พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต โดย น.ส.สมปอง และ นายชัยวิชิต เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนเอง คือ น.ส.พัชรพร หรือ น้องการ์ฟิว  อายุ 21 ปี ได้เดินทางไปทำงานนวดแผนโบราณที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้ประมาณ 3 ปีแล้ว และได้ส่งเงินกลับมาบ้านเพื่อให้พ่อกับแม่เพื่อใช้หนี้ ส่วนตนและสามีก็ทำงานเป็น รปภ.ที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์พูดคุยกันเป็นประจำ

กระทั่งวันที่ 1 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่า ลูกสาวได้ไปทำศัลยกรรมหน้าอกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วเสียชีวิต ตนรู้สึกตกใจมาก ในเบื้องต้นเพื่อนๆ จะประกอบพิธีเผาศพที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ตนไม่ยอมเพราะไม่ได้เห็นหน้าลูกมา 3 ปีแล้ว อยากจะขอดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะติดสถานการณ์โควิด ขณะนั้นตนรู้สึกเครียดมาก ไม่รู้จะเอาศพกลับมาอย่างไร

กระทั่งได้รับความอนุเคราะห์จากสถานทูตไทยประจำประเทศเกาหลีใต้ ประสานงาน จนกระทั่งนำศพกลับมาประกอบพิธีที่บ้านเกิดได้ น.ส.สมปอง และนายชัยวิชิต ยังเปิดเผยต่ออีกว่า ก่อนหน้าที่จะนำศพกลับมานั้น เพื่อนๆ ที่ประเทศเกาหลีใต้ได้มีการพูดคุยกับโรงพยาบาลที่น้องการ์ฟิวไปทำศัลยกรรมว่า จะรับผิดชอบทุกอย่าง รวมทั้งจะคืนเงินค่าทำศัลยกรรมให้

แต่กระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลดังกล่าวเลย ในเบื้องต้นทราบว่า จะต้องหาทนายเป็นคนพูดคุยกับโรงพยาบาล ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีเงินว่าจ้างทนาย จึงอยากจะขอวิงวอนรัฐบาลในการหาทนายความ หรือประสานงานในเรื่องนี้เพราะตนและสามีก็เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ และทั้งนี้ตนกับสามีและญาติๆ ได้ปรึกษากันแล้วว่า ยังจะไม่เผาศพลูกสาว จนกว่าโรงพยาบาลจะออกมารับผิดชอบเหตุการณ์ในครั้งนี้
 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook