เอกชนผวาการเมืองฉุดเศรษฐกิจซ้ำรอย

เอกชนผวาการเมืองฉุดเศรษฐกิจซ้ำรอย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่จำนวน 526 รายคิดเป็นสัดส่วน 60.8% เกี่ยวกับข้อจำกัดในการทำธุรกิจในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาพบว่า อันดับแรกคือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ อันดับสองคือการปรับราคาสินค้าทำได้ยาก และอันดับสามคือความไม่แน่นอนทางการเมือง จากเดิมในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา อยู่อันดับที่ 4 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัญหาทางการเมืองเริ่มกลับมามีความสำคัญอีกครั้ง นอกจากนี้เห็นว่าความต้องการของตลาดในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เนื่องจากผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่ายส่งผลให้ผู้ผลิตมีการแข่งขันกันมากขึ้น ด้วยการลดราคาสินค้าเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด

สำหรับภาวะการเงิน และสภาพคล่องของผู้ประกอบการพบว่า มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งจากภาวะดอกเบี้ยที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และผู้ประกอบการได้รับเครดิตจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น ขณะที่การให้เครดิตกับลูกค้ายังมีสัดส่วนที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในอีก 3 เดือนข้างหน้าผู้ประกอบการสัดส่วน 16.5% คาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้น และจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อฐานะการเงินของผู้ประกอบการในอนาคต ขณะที่ด้านอัตราแลกเปลี่ยนผู้ประกอบการ 48% คาดว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้เห็นว่าภาวะธุรกิจโดยรวมในเดือน ก.ค. ยังอ่อนตัว เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ที่ระดับ 45 จากเดิมอยู่ระดับ 46.3 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 เป็นผลมาจากแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.3 ซึ่งสูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นขององค์ประกอบเกือบทุกด้าน ยกเว้นแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิตที่สูง ส่วนดัชนีการผลิตใน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57.7.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook