แบไต๋''ยุบสภา''กับ3เงื่อนไขอภิสิทธิ์

ได้ยิน ยุบสภา ครั้งแรกก็ตกอกตกใจกันไปทั้งแทบจะทุกวงการ เพราะไม่มีใครกล้าคิดว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บริหารประเทศมาได้ 8-9 เดือน จะเริ่มมี แนวคิด นี้ผุดขึ้นมาในหัว

มี 2 เหตุการณ์ชัด ๆ แรง ๆ ส่งให้กระแสข่าว ยุบสภา ดังกระหึ่ม กรณีแรกก็การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ในการประชุม ก.ต.ช. ที่สุดท้ายแล้วจนป่านนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็น พล.ต.อ. ป หรือ พล.ต.อ. จ

เพราะครั้งนั้นเกิดการงัดข้อกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย

ขณะที่กรณีที่ 2 ก็ท่านประธานชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.สัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ที่จู่ ๆ ก็บอกว่า หลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 รัฐบาลคง ยุบสภา

ในความเป็นจริงอำนาจ ยุบสภา นั้นเป็นของนายกรัฐมนตรี และทุกครั้งที่มีกระแสข่าว นายอภิสิทธิ์ ก็ ไม่ฟันธง ว่า จริงหรือไม่ แต่อ้อมไปอ้อมมาว่า มีทางออกหลายทาง

ล่าสุดการได้รับเชิญไปบรรยายให้นักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงของ กกต. ในหัวข้อ การเมืองไทยบนสถานการณ์การขัดแย้ง

แม้จะไม่มีการเปิดให้สื่อมวลชนเข้าฟัง แต่มีรายงานข่าวเล็ดลอดออกมาว่า นายอภิสิทธิ์ เสนอ แนวทางสมานฉันท์ ให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว ว่า 1.ต้องไม่ทำให้สูญเสียความเป็นนิติรัฐ 2.สถาบันหลักต้องคงอยู่และไม่ถูก รบกวน และ 3.แก้ไขรัฐธรรมนูญในบางประเด็นที่ เห็นเหมือนกัน เช่น เรื่องมาตรา 190 เรื่องเขตเลือกตั้ง ส่วนที่ เห็นต่างกัน เช่น มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค ควรจะต้องมีการทำ ประชามติ

ส่วนที่สำคัญคือ มีรายงานข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ บอกเงื่อนไขของการ ยุบสภา ไว้ 3 เงื่อนไขประกอบด้วย

1.ขอให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเข้ารูปเข้ารอย โดยคาดการณ์ว่าในช่วงเดือน ธ.ค. 52 ถึงเดือน ก.พ. 53 น่าจะเป็นช่วงที่มาตรการการแก้ปัญหาของรัฐบาล ออกดอกออกผล

2.กติกาการเลือกตั้งที่มีอยู่ ต้องเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย เพราะการเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิมจะเกิดปัญหาความขัดแย้งหรือไม่

3.การยุบสภาเลือกตั้งจะทำให้ความขัดแย้งหมดไปหรือไม่ ทุกพรรคการเมืองสามารถหาเสียงในทุกพื้นที่โดยปราศจากการต่อต้านหรือไม่ ถ้าไม่สามารถแก้เงื่อนไขเหล่านี้ได้ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ก็ไม่เกิดประโยชน์

ถ้าดู เงื่อนไข ของนายอภิสิทธิ์ ยุบสภา คงไม่เกิดขึ้นใน เร็ว ๆ วันนี้

แต่ที่ต้องไม่ลืมคือ การเมืองไทย มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันและพร้อมจะเกิดอะไรก็ไม่รู้ได้ทุกเว