ยอดตายไข้หวัด09 สะสม 130 ราย เริ่มลุกลามเข้าอีสาน

ยอดตายไข้หวัด09 สะสม 130 ราย เริ่มลุกลามเข้าอีสาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ของประเทศไทยว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าการระบาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวไปสู่ต่างจังหวัด แนวโน้มกระจายลงสู่เขตชนบท โดยพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยทั้งหมด จากการประเมินผลผู้ป่วยไข้หวัดทุกประเภทที่เข้ารับการรักษาตัวที่จุดตรวจคัดกรองของโรงพยาบาลทั่วประเทศ พบว่าจำนวนลดลงจาก 18,000 คนต่อวันในเดือน ก.ค.เหลือ 9,000 คนต่อวันในเดือนส.ค. 2552 โดยร้อยละ 52 ของผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในชนบท

รองปลัด สธ. กล่าวต่อว่า จากการที่มีผู้เข้าสู่ระบบการคัดกรองในโรงพยาบาลลดลง เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจในโรคนี้มากขึ้น หรือมีความวิตกกังวลลดลง แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อโรครุนแรงจะทำให้ ประชาชนชะล่าใจในการมาพบแพทย์เมื่อป่วยแล้วทำให้สาเหตุการเสียชีวิตเกิดมา จากการหาหมอช้า เข้าถึงยาช้า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 23-29 ส.ค.มีผู้เสียชีวิต 11 ราย เป็นชาย 5 ราย หญิง 6 ราย ร้อยละ 70 อายุอยู่ระหว่าง 31 - 40 ปี และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง สรุปยอดเสียชีวิตสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.เป็นต้นมามีจำนวนทั้งหมด 130 ราย

นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องกันควบคุมโรคให้เข้มงวดขึ้นโดยเฉพาะการเฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์ และการดื้อยาหรือการผสมสายพันธุ์กันระหว่างเชื้อไข้หวัดของคนกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ของสัตว์ที่หลายประเทศเป็นห่วง ในวันพรุ่งนี้ (3ก.ย.) จะนำเรื่องนี้หารือในที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์การควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ซึ่งมีรองปลัดทุก กระทรวงเป็นกรรมการ โดยเฉพาะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เร่งดำเนินการ แม้ว่าที่ผ่านมาไทยยังไม่พบปัญหาเชื้อกลายพันธุ์ก็ตาม และในวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.รมว.สาธารณสุข จะเรียกประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 36 จังหวัด เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดในพื้นที่ชนบทให้ได้มากที่สุด จากนั้นในวันที่ 9ก.ย. จะหารือกับสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้า เพื่อกำหนดแนวทางการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้ใช้แรงงานจำนวนมากถึง 37 ล้านคน ขณะเริ่มพบ ประปรายในแถบภาคกลาง โดยจะนำร่องที่โรงงานในแถบจังหวัดสมุทรสาคร และขยายไปยังโรงงานอื่นๆ ต่อไป

รองปลัด สธ. กล่าวด้วยว่า ขอย้ำเตือนให้ประชาชนอย่าละเลยการป้องกันการเจ็บป่วย ทุกคนยังมีความเสี่ยงติดเชื้อเท่ากันเพราะยังไม่มีภูมิต้านทานโรคนี้ ขอให้รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารโดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ มะขามป้อม เป็นต้น ซึ่งวิตามินซีจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ หากเข้าไปในที่ชุมชนหนาแน่นควรสวมหน้ากากอนามัย สำหรับผู้ที่มีไข้ ให้หยุดอยู่บ้าน 7 วัน หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คนอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็ก อายุต่ำกว่า 2 ปี และหญิงมีครรภ์ หากมีไข้สูง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ซึ่งเป็นอาการสำคัญของไข้หวัดใหญ่ ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว หากมีอาการดังกล่าว และไข้ยังไม่ลด อาการของโรคไม่ดีขึ้น ภายใน 48 ชั่วโมง ขอให้ไปพบแพทย์ทันทีเช่นเดียวกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook