หลวงพ่อไขปริศนา "ผีศาลาริมทาง" ส่งเสียงหลอกผู้กอง หลอนเจอซากไก่เซ่นสังเวย
หลอนอีกเจอซากไก่เครื่องสังเวยผีตะกัง ข้างศาลาที่ผู้กองได้ยินเสียงปริศนา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเผยเป็นวิญญาณเร่ร่อนขอส่วนบุญ
วันนี้ (30 มิ.ย. 63) จากกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลา พงษ์ประยูร รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้โพสต์เรื่องราวชวนขนหัวลุก หลังเข้าไปหลบฝนที่ศาลาริมทาง แล้วเจอเหตุการณ์ลี้ลับ โดยชาวบ้านบอกว่าศาลานี้เมื่อก่อนเป็นที่พักศพก่อนเอาเข้าหมู่บ้าน
โดยศาลาริมทางที่ระบุถึง ตั้งอยู่ปากทางเข้า-ออก หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.นางรอง อ.นางรอง ห่างจากถนนใหญ่สายลำปลายมาศ-ชำนิ ประมาณ 20 เมตร ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่บางคนก็บอกว่าเชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณ เพราะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคลมากกว่า
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจรอบบริเวณศาลาดังกล่าว พบซากไก่ตายในลักษณะถูกใช้ไม้เสียบ กางปีกและขาทั้งสองข้างออกคล้ายกับตรึงกางเขน มีกระบอกไม้ไผ่แขวนติดไว้ใกล้กับซากไก่ 2 กระบอก มัดติดไว้กับกิ่งไม้ไผ่ยาวประมาณ 2 เมตร พิงไว้กับพุ่มไม้ข้างศาลาริมทางดังกล่าว
จากการสอบถาม นางอำนวย อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่อยู่ติดกับศาลา บอกว่า ซากไก่ที่เห็นคือไก่เป็นๆ ที่ถูกนำมาเลาะเนื้อออกเหลือแต่โครง ส่วนกระบอกไม้ไผ่ 2 กระบอกเป็นกระบอกเหล้าขาวและน้ำเปล่า ที่ใช้สำหรับทำพิธีเซ่นสังเวยหรือเลี้ยง ผีตะกัง เพราะเมื่อประมาณ 5 – 6 เดือนที่ผ่านมา มีชาวบ้านในหมู่บ้านคนหนึ่งล้มป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ ไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย ญาติจึงพาไปดูหมอทรง หมอทรงก็บอกว่าโดนผีตะกังทำให้ป่วย ต้องนำไก่เป็น เหล้าขาว และน้ำ มาเซ่นไหว้เลี้ยงผีตะกังตนนั้น และระบุว่าจะต้องเป็นสามแยก จึงมาทำพิธีที่ศาลาดังกล่าวเพราะเป็นสามแยกตามที่หมอทรงบอก
หลังจากทำพิธีแล้ว คนนั้นก็หายเจ็บป่วยจนทุกวันนี้ ถึงแม้ตัวเองจะไม่เคยเห็นผีกับตา แต่เชื่อว่าผีมีจริงก็ไม่ลบหลู่หรือท้าทาย ส่วนที่ตำรวจได้ยินเสียงปริศนานั้นก็อาจจะเป็นวิญญาณของผีเร่ร่อนก็เป็นไปได้
ด้านนายรักชาติ คชชาญ ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า เรื่องผีหรือวิญญาณเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้และแม้ตัวเองจะไม่เคยเห็นกับตา แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมีจริง ส่วนจะเห็นหรือไม่เห็นก็ขึ้นอยู่กับสัมผัสของแต่ละคน ส่วนซากไก่และกระบอกไม้ไผ่นั้นก็ทราบว่า มีชาวบ้านที่เชื่อว่าโดนผีทำให้เจ็บป่วยประหลาด มาทำพิธีเซ่นไหว้เลี้ยงผีตามคำทำนายของหมอทรง ซึ่งก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลเท่านั้น ก็ไม่อยากให้ชาวบ้านตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว แต่ยอมรับว่าถนนสายดังกล่าวมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายราย แต่ก็ยืนยันได้ว่าศาลาดังกล่าวไม่ใช่ที่พักศพ แค่มีสภาพเก่าตามกาลเวลาเพราะสร้างมานานกว่า 50 ปีแล้ว
ขณะที่ พระชัยวุฒิ ปัญญาธโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดทุ่งโพธิ์ อ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า เสียงปริศนาที่ผู้กองคนดังกล่าวได้ยิน อาจจะเป็นวิญญาณของผีเร่ร่อนที่ตายไปแล้วแต่บุญไม่ถึงจึงยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด จึงมาเร่ร่อนขอส่วนบุญ ซึ่งในสมัยพระพุทธกาลก็มีหลักฐานทางพระพุทธศาสนาปรากฏ คือ ญาติของพระเจ้าพิมพิสารที่เสียชีวิตไปแล้วตกนรกเพราะทำความชั่ว พ้นจากนรกก็มาเป็นเปรต จากนั้นพระเจ้าพิมพิสารได้ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้าก็เกิดศรัทธาจึงสร้างวัดเวฬุวันขึ้น แต่ทุกครั้งที่พระเจ้าพิมพิสารมาทำบุญที่วัดก็ไม่เคยกรวดน้ำให้กับญาติคนดังกล่าว ญาติคนดังกล่าวที่รอส่วนบุญอยู่จึงไปแสดงตัวให้พระเจ้าพิมพิสารเห็น
อย่างไรก็ตาม ขอให้ใช้วิจารญาณไตร่ตรองด้วยเหตุด้วยผล หากคิดว่าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แล้วสบายใจก็ควรทำ แต่หากพูดถึงว่าผีมีจริงหรือไม่พวกเราก็เป็นผีกันทุกคน ก่อนจะเกิดมาก็เป็นผี ตายไปก็เป็นผี ดังนั้นในขณะที่ทุกคนยังมีโอกาสก็อย่าประมาทมัวเมาในการดำเนินชีวิต ควรทำคุณงามความดีสั่งสมไว้ ให้นำสิ่งที่เห็นมาเป็นอุทาหรณ์ว่า ทำไมตายไปแล้วถึงไม่ได้ไปเกิดเพราะบุญน้อย ก็ไม่อยากให้ชาวบ้านงมงายหรือหวาดกลัวเกินเหตุ เพราะถึงจะเป็นผีหรือวิญญาณก็ทำอะไรเราไม่ได้เพราะอยู่คนละภพชาติกันแล้ว