ชายไทยกลับจากญี่ปุ่น 11 วัน เสียชีวิตในโรงแรมระหว่างกักตัว ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19

ชายไทยกลับจากญี่ปุ่น 11 วัน เสียชีวิตในโรงแรมระหว่างกักตัว ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19

ชายไทยกลับจากญี่ปุ่น 11 วัน เสียชีวิตในโรงแรมระหว่างกักตัว ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชายไทยกลับจากญี่ปุ่น เสียชีวิตระหว่างกักตัวใน State Quarantine ตรวจแล้วไม่ติดเชื้อโควิด-19

วันนี้ (20 มิ.ย. 63) พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเสียใจกับครอบครัวของ นายพงษ์ศักดิ์ ที่เสียชีวิตระหว่างการเข้าพักในสถานรับการกักตัวควบคุมโรคของรัฐ ในกรุงเทพมหานคร โดยนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลในภูมิลำเนา

โดยข้อมูลในขั้นต้นทราบว่า นายพงษ์ศักดิ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา เดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่นในเที่ยวบิน JAL031 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา แพทย์ได้คัดกรองขั้นต้นแล้วพบว่า เป็นโรคหัวใจ มียารับประทานเพียงพอ 14 วัน และแจ้งว่าจะไปรับการรักษาต่อที่ จ.นครราชสีมา จากผลการตรวจเชื้อทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ยืนยันไม่พบเชื้อ COVID-19

โดยในเช้าวันเดียวกันยังรับประทานอาหารปกติ คาดว่าเสียชีวิตในช่วงก่อนเที่ยง ซึ่งทีมแพทย์ได้ติดต่อวัดอุณหภูมิประจำวันและบริการอาหารกลางวันแต่ไม่ได้รับการติดต่อ เมื่อเปิดห้องพักเข้าไปไม่พบสัญญาณชีพ จึงคาดว่าเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบจาก รพ.ตำรวจ ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิต โดยได้ประสานญาติผู้เสียชีวิตทราบแล้ว

ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปสถานที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับแสดงความเสียใจและให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกกับญาติผู้เสียชีวิตในขั้นต้นแล้ว ทั้งการเดินทางและเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา รวมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในทุกสถานที่กักตัวควบคุมโรคของรัฐ ให้การดูแลผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่เดิมอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และให้คงความต่อเนื่องในการติดต่อสื่อสารกับผู้เข้าพัก เพื่อให้ทุกคนมีความสุขใจระหว่างอยู่ในการดูแลของรัฐ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook