“แก๊สน้ำตา” ภัยร้ายของการชุมนุมช่วงโรคโควิด-19

“แก๊สน้ำตา” ภัยร้ายของการชุมนุมช่วงโรคโควิด-19

“แก๊สน้ำตา” ภัยร้ายของการชุมนุมช่วงโรคโควิด-19
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การชุมนุมประท้วงต่อต้านการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อ “จอร์จ ฟลอยด์” และชาวอเมริกันผิวดำคนอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาหรือฉีดสเปรย์พริกไทยใส่หลายครั้งเพื่อควบคุมการประท้วง ซึ่งวิธีการควบคุมฝูงชนดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดใช้อาวุธเคมีเหล่านี้ เพราะมันสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา และก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ได้

แม้ในช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ชี้ว่า ควรมีการทำการศึกษาเรื่องความเสี่ยงของแก๊สน้ำตาให้มากขึ้น โดยแก๊สน้ำตาถือเป็็นร่มใหญ่ของ “สารที่ใช้เพื่อควบคุมการจลาจล” ที่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อย่างไรก็ตาม การยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมประท้วงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในสหรัฐฯ ก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เพราะเชื้อไวรัสโคโรนาสามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย ดังนั้น การใช้แก๊สน้ำตาจึงมีความเสี่ยงที่จะกระจายเชื้อโรคไปสู่คนจำนวนมาก

นี่คือสูตรแห่งความหายนะ” Sven Eric Jordt นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าว โดยเขาเรียกสารเคมีเหล่านี้ว่าเป็น “แก๊สแห่งความเจ็บปวด” เพราะมันทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณดวงตา ปาก และจมูก

อย่างไรก็ตาม ในทางกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้สารเคมี 2 ชนิดเพื่อควบคุมฝูงชน นั่นคือ แก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทย ซึ่ง Jordt มองว่า การใช้สารเคมีเหล่านี้ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีรายงานออกมาแล้วว่า แก๊สน้ำตาสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ แม้งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโคโรนายังมีอย่างจำกัด แต่งานวิจัยของประเทศจีนและอิตาลีก็อธิบายว่า สารที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการคันหรือปวดแสบปวดร้อน เช่น ฝุ่นควัน มีผลต่อการติดโรคโควิด-19 และแก๊สน้ำตาก็สามารถทำให้มนุษย์เกิดอาการป่วยได้ 

ยิ่งไปกว่านั้น จากหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโควิด-19 หลายคนไม่แสดงอาการใด ๆ ของโรค และหลายคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองติดเชื้อไวรัส ซึ่งหมายความว่า คนกลุ่มนี้มีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวและสามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น ๆ ได้ ขณะที่คนหลายพันคนออกมาร่วมชุมนุมประท้วงบนท้องถนน ผู้ร่วมชุมนุมก็มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ และส่งผลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่จะพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กิจกรรมกลางแจ้งจะมีช่วยลดโอกาสในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส แต่กิจกรรมที่มีการร้องเพลงหรือร้องตะโกนกลับเพิ่มโอกาสให้กับการติดเชื้อให้มากขึ้น นอกจากนี้ แก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทย ยังทำให้ผู้ชุมนุมสับสนและตกใจ ซึ่งนำไปสู่การดึงหน้ากากอนามัยออก สัมผัสใบหน้า และนำไปสู่การปนเปื้อนที่มากขึ้น

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายพันคนได้ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกเพื่อสนับสนุนการชุมนุมประท้วงในครั้งนี้ และแนะนำวิธีการลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อไวรัสให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยวิธีการหลักที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ คือเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเลิกยิงแก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยใส่ผู้ชุมนุม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook