บิ๊กตู่ ยืนยันยังไม่ถึงคิวปรับ ครม. ลั่นถ้าพี่ป้อมคุมพลังประชารัฐ ต้องไม่กระทบงานรองนายกฯ

บิ๊กตู่ ยืนยันยังไม่ถึงคิวปรับ ครม. ลั่นถ้าพี่ป้อมคุมพลังประชารัฐ ต้องไม่กระทบงานรองนายกฯ

บิ๊กตู่ ยืนยันยังไม่ถึงคิวปรับ ครม. ลั่นถ้าพี่ป้อมคุมพลังประชารัฐ ต้องไม่กระทบงานรองนายกฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาปรับ ครม. พร้อมให้ความเห็นกรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า หากทำงานทั้งส่วนของหัวหน้าพรรคและรองนายกฯ ได้ ก็ไม่ขัดข้อง

วันนี้ (9 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในระหว่างแถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ว่า สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงหลายวันนี้ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่ดำเนินการกันไป ส่วนการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณา และไม่ใช่เรื่องที่จะเสนอกันมาในตอนนี้ จึงขอให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานไปก่อน

พร้อมทั้งขอให้เลิกเสนอข่าวเหล่านี้เหมือนเป็นดราม่า หรือ ละครสักเรื่อง แต่ถ้าดูเป็นละครแล้วก็ต้องย้อนมาดูตัวด้วย ดังนั้นอย่าเพิ่งถามว่าจะปรับ ครม. หากจะปรับตนจะบอกให้ทราบเอง เพราะเป็นการตัดสินใจของนายกมนตรีแต่เพียงผู้เดียวในการปรับ ครม. และจะพิจารณาตามสัดส่วนของแต่ละพรรคอยู่แล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า หาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร ที่ต้องทำงานทั้ง 2 งานให้ได้ ทั้งงานของหัวหน้าพรรคและงานของรองนายกรัฐมนตรี โดยไม่ถือว่าเป็นงานหนักเพราะทุกคนต้องทำงานได้ และถือเป็นคนละส่วนกัน และเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐจะพิจารณา

ส่วนที่มองว่า พล.อ.ประวิตร อายุมากแล้ว จะมีความพร้อมในการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ก็ต้องไปถามที่ตัว พล.อ.ประวิตร ซึ่งในตอนนี้เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ยังเป็น Talk Of The Town ที่สื่อนำเสนอทุกวัน แต่ยืนยันว่ายังไม่มีใครจะหลุดหรือใครจะเข้ามาในคณะรัฐมนตรี และวันนี้ขอให้คนที่อยู่ในตำแหน่งทำให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงการบริหารจัดการงบประมาณฟื้นฟูโควิด-19 จำนวน 4 แสนล้านบาท ว่า ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ขอยืนยันจะดำเนินการให้โปร่งใสมีประสิทธิภาพตรวจสอบได้ และกำชับไปในที่ประชุม คณะรัฐมนตรีแล้ว เพราะเป็นงบประมาณที่มีความสำคัญในการสานต่อเศรษฐกิจไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2563 ก็คือช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เพื่อส่งต่อไปยังไตรมาส 1 ของงบประมาณปี 2564 ที่กำลังจะพิจารณาเข้าสภาในลำดับต่อไป

โดยจะต้องพิจารณาวงเงิน 4 แสนล้านบาท ว่า จะดำเนินการในเรื่องใดบ้างที่จะต้องฟื้นฟูตามขั้นตอนและต้องตรงความต้องการของประชาชนกลุ่มที่ผู้เดือดร้อนตามเหตุผลและความจำเป็น โดยจะดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงของการดำเนินการที่มีหลักการสำคัญคือ กระตุ้นการบริโภค ท่องเที่ยว และช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากชุมชนให้ดำเนินการต่อไปได้ เพื่อรักษาระดับการจ้างงานและช่วยเหลือบัณฑิตจบใหม่ให้มีงานทำ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกำลังดำเนินงานกันอยู่

ทั้งนี้ ย้ำว่า เป็นเงินที่ได้มาด้วยความยากลำบากเนื่องจากต้องกู้มา ดังนั้นต้องเดินหน้าอย่างรอบคอบ ทั้งการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี และการดำเนินการบริหารงบฟื้นฟูให้เกิดสภาพคล่อง ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน และกระทบต่อกิจการต่างๆ และการจ้างงาน โดยยืนยันว่าการแก้ไขสถานการณ์ช่วงโควิด-19 รัฐบาลใช้มาตรการทุกมิติทั้งมาตรการการเงินการคลัง มาตรการทางภาษี และการใช้งบประมาณไปสู่ประชาชนในทุกกลุ่ม จึงมั่นใจว่าในกรอบรัฐบาลจะไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตโดยเด็ดขาด

สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 นั้น ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่แก้ไขปัญหาได้อย่างดี เพราะวันนี้เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายนอก State Quarantine เป็นวันที่ 14 แล้ว และในหลายจังหวัดได้เปิดธุรกิจและกิจการต่างๆ ตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3

พร้อมย้ำว่า เห็นใจความเดือดร้อนของทุกฝ่าย แต่ต้องมองในเรื่องของสุขภาพด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ในมาตรฐานเดียวกัน โดยยืนยันว่าไม่ต้องการปิดกั้นประชาชนและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้ให้ระมัดระวังเรื่องฝนฟ้าอากาศและดูแลสุขภาพ รวมทั้งเน้นย้ำเรื่องของการแก้ปัญหาภัยแล้งและการเพาะปลูกในสถานการณ์ที่เกิดปัญหาน้ำแล้ง โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลเรื่องของแหล่งกักเก็บน้ำให้เพียงพอ แต่ปัญหาคือแม้จะมีพื้นที่รองรับน้ำแต่เกิดปัญหาฝนไม่ตก จึงต้องใช้วิธีการขุดเจาะหาน้ำบาดาล แต่หลายพื้นที่ต้องขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลให้ลึกขึ้น เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลก จึงต้องระมัดระวังการจัดเก็บน้ำใต้ดินไม่ให้เกิดปัญหาสารเคมีปนด้วย

สำหรับเรื่องของการท่องเที่ยว ได้สั่งการให้ดำเนินการในเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและต้องหามาตรการรองรับ โดยเฉพาะจะเน้นรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ไม่มีปัญหาโควิด-19 และให้เข้ามาในพื้นที่ที่สามารถดูแลได้ รวมทั้งกรณีที่ต้องรองรับชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาพยาบาลต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ของประเทศอีกทางหนึ่ง แต่ต้องไม่เกิดปัญหาไปทับซ้อนกับเรื่องสถานการณ์โควิด-19

นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงสถานการณ์โลก เพราะโลกก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ดังนั้นขออย่านำทุกเรื่องมาพันกันหมดจนมองไม่เห็นข้อเท็จจริง และขอให้นำเสนอข่าวโดยนำเรื่องที่ดีออกมาด้วย แต่หากมีเรื่องที่ไม่ดีก็พร้อมแก้ไข

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงกรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หายตัวไปในประเทศกัมพูชา ว่า ไม่รู้จัก แต่ยืนยันว่าเรื่องใดที่สามารถดำเนินการได้ก็ให้ดำเนินการไป และให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามแล้ว ทราบแต่เพียงว่าหนีไปต่างประเทศ โดยให้ไปติดตามว่าหนีไปด้วยเรื่องอะไรและอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าไปทำอะไรที่กัมพูชา ดังนั้นจึงไม่ไปก้าวล่วงอำนาจของประเทศอื่นๆ ได้ เพราะแต่ละประเทศก็มีกลไกตรวจสอบ จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย

ทั้งนี้ ยินดีให้ความร่วมมือ เพราะถือว่าเป็นคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศ พร้อมย้ำว่าโดยส่วนตัวไม่ได้คุยกับ พล.อ.เตียบัณห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เพราะเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศที่กำลังประสานกันอยู่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ต้องถึงมือนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ได้รับทราบถึงความคืบหน้าแผนฟื้นฟูการบินไทยที่ดำเนินการไปได้ด้วยดีและได้รับทราบเรื่องการปรับปรุงองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการประชาชน แต่มีปัญหาขาดทุนมากพอสมควร ดังนั้นต้องดูแลให้องค์กรสามารถอยู่ได้และลูกจ้างมีความพึงพอใจ ซึ่งทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องกันหมด

โดยเชื่อว่าทุกฝ่ายจะพอใจการปรับปรุง ขสมก. เพราะหลังจากนี้จะมีรถให้บริการประชาชนที่มีประสิทธิภาพ และมีเส้นทางรองรับประชาชนเพื่อปรับเส้นทางให้เกิดความสะดวกและกำหนดค่าโดยสารตลอดสายในราคาเดียว ทั้งหมดอยู่ในแผนการฟื้นฟูที่จะนำเข้า ครม. ให้เร็วที่สุดต่อไป เพื่อเดินหน้าตามที่ประชาชนรอคอย เพราะทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการมา 1 ปี ยึดประชาชนเป็นหลักอยู่เสมอ แต่จะสามารถแก้ไขได้มากหรือน้อยก็ต้องอาศัยกลไกต่างๆ ประกอบ และขอให้ประชาชนปรับตัวเพื่อให้รัฐสามารถทำงานได้อย่างสะดวก โดยการหาจุดสมดุลตรงกลางเพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook