ประชาธิปัตย์กำลังกลายเป็นผู้ตาม

อาการ วืด ที่เกิดขึ้นจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อคัดเลือกว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะว่าไปแล้วยังไม่น่ากังวลเท่ากับกระแสข่าว รอยร้าว ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ

จึงไม่แปลกหากในการปราศรัยเมื่อ ค่ำวันที่ 22 ส.ค. ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอภิสิทธิ์จำเป็นต้องอธิบาย ให้ สังคม คลายกังวลใจใน 2 เรื่องคือ 1.ผบ.ตร.คนใหม่ โดยนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า ตามกฎหมายนายกรัฐมนตรีผู้เดียวเท่านั้นที่มีอำนาจเสนอชื่อ และไม่นานจะเรียบร้อย ขณะ ที่เรื่องที่ 2.นายอภิสิทธิ์ระบุบนเวทีช่วงหนึ่งว่า

ผมกับนายสุเทพส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกัน บางเรื่องเห็นไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องปกติ บางอย่างที่ไม่เห็นด้วยใช้เหตุใช้ผลคุยกัน สุดท้ายก็หาข้อยุติได้ และสิ่งที่ทำให้ได้ข้อยุติเสมอ ผมเป็นนายกฯ ส่วนท่านสุเทพเป็นรองนายกฯ

ที่เป็นข่าวเรื่องรอยร้าวจากการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ กับนาย สุเทพนั้น จุดหนึ่ง ที่ให้คิดเช่นนั้นคือ นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณในเดือน ก.ย. คนบ้านเดียวกับนาย สุเทพ กลายเป็นเสียงข้างมากที่ไม่เห็นด้วยกับชื่อ พล.ต.อ. ที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

นายวิชัยนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาด ไทยก็ช่วงที่นายสุเทพดูแลด้านความมั่นคงนี่แหละ

ทั้งสองเรื่องจึงเป็นสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ต้อง ตามแก้

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยหลังผู้สนับสนุนคนสำคัญอย่างนายเนวิน ชิดชอบ ประกาศว่า ผมไม่เกี่ยว พร้อมชี้ช่องให้สื่อไปถามนายสุเทพ นายนิพนธ์ ก็เดินหน้า ชักธง สมานฉันท์

เป็นครั้งแรกในรอบ 5-6 ปี ที่นายเนวิน ตอบรับเข้าร่วมการสัมมนา โดยการสัมมนาดังกล่าวมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. มาร่วมรับฟังอยู่ด้วย

ประเด็นสำคัญคือ นายเนวินยืนยันว่า ต้องจบเรื่องเก่าให้ได้ ให้เร็ว ถ้าไม่ส่งสัญญาณว่าทุกฝ่ายจะหันหน้าเข้าคุยกัน การแก้ปัญหาก็ทำไม่ได้ การเอาฟืนออกจากกองไฟเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ข้อสำคัญ ข้อเสนอของนายเนวินครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับคดีการเมือง

จะเป็นการชิงธง จะต้องการนำกระแส หรือหวังจะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดจริง หรือจะะอะไรก็สุดแต่จะวิเคราะห์กันไป

คำถามคือ ผู้ประกาศสร้างความสมานฉันท์อย่างพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่ไหนทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้เพื่อน เดินนำ ไปหน้าตาเฉย.