ดูแล น้องสาว ให้ปลอดภัยจากเชื้อรา
รศ.นพ.อรรณพ กล่าวว่า จากการวินิจฉัยยังพบว่าเป็นเชื้อราตรงจุดซ่อนเร้นร้อยละ 40 ติดเชื้อแบคทีเรียร้อยละ 20 โดยการแสดงอาการการติดเชื้อราพบมากเป็นอันดับต้น ๆ จุดซ่อนเร้นอาจเป็นเชื้อราได้ แต่จะไม่เกิดปัญหาถ้าร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หากระบบสมดุลในช่องคลอดเปลี่ยนจากกรดเป็นด่าง จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรามากขึ้น และแสดงอาการ ตกขาวมากผิดปกติ เป็นก้อนสีขาวขุ่น คล้ายแหวะเด็ก หรือนมบูด มีอาการแสบและคัน ซึ่งเกิดได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ การมีเพศสัมพันธ์สามารถ ติดเชื้อได้เช่นกัน เพราะน้ำอสุจิมีฤทธิ์เป็นด่าง สำหรับการรักษาควรพบแพทย์ ซึ่งการรักษามียาทั้งแบบรับประทานและแบบสอดช่องคลอด แต่ปัญหาคือมักกลับมาเป็นซ้ำ เนื่องจากไม่ปรับพฤติกรรมให้จุดซ่อนเร้นระบายอากาศได้ดี ไม่มีกลิ่นอับชื้น
เคล็ดลับการดูแลรักษา รศ.นพ.อรรณพ แนะนำว่า ควรล้างและทำความสะอาด ไม่ให้บริเวณจุดซ่อนเร้นเสียสมดุล ห้ามสวนเพราะเชื้อราจะเข้าสู่ภายในช่องคลอดได้ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ที่มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ๆ ใกล้เคียงกับกรดแลคติกจะช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดีที่มีชื่อว่า แลค โตบาซิลไล ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียได้อย่างดี จึงสามารถลดการระคายเคือง กลิ่นอับชื้นได้ และไม่ควรใช้สบู่เพราะมีค่าเป็นด่างไปทำลายกรดแลคติก
กางเกงที่สวมใส่ ไม่ควรรัดรูปจนเกินไป จะเกิดการอับชื้นระบายอากาศได้ไม่ดี เลือกชุดชั้นในทำจากผ้าคอตตอนเพื่อระบายอากาศดีกว่าผ้าไนลอน และไม่ระคายเคือง ซักให้สะอาด ผึ่งแดด ผึ่งลม ให้แห้ง ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ใส่แผ่นอนามัยตลอดเวลา เพราะก่อให้เกิดความอับชื้น ขอให้ใช้ช่วงที่จำเป็น เช่น ตกขาวมากก่อนมีประจำเดือน การเป็นเชื้อราไม่เกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก เพียงก่อให้เกิดความรำคาญ บางคนคันเกาเป็นแผลเกิดเชื้อแบคทีเรีย ถ้าเป็นบ่อยให้ปรึกษาแพทย์ แต่อาการตกขาวเรื้อรัง หรือมีอาการตกขาวปนเลือด อาจจะเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ จึงควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง รศ.นพ.อรรณพ กล่าว.