ชาญวิทย์แนะ4ทางพ้นกลียุค เชื่อปฏิวัติ 19 ก.ย.ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ผมเชื่อว่า การทำรัฐประหาร เมื่อ 19 กันยายน 2549 ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย สถานการณ์ของประเทศจะเกิดกลียุค ผีห่าจะออกอาละวาด ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ ในช่วง 4-5 ที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดการแตกแยก 19 กันยายน มิใช่ครั้งสุดท้าย เป็นระเบิดเวลาทางการเมืองที่ถูกวางไว้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ในแง่ังคมขณะนี้เงินกลายเป็นเป็นพระเจ้า สังคมไทยที่ผมรู้จักและคุ้นเคยกำลังหมดไปทุกๆ วัน ผมคงจะได้เห็นอะไรที่ไม่อยากเห็น และคงไม่ได้เห็นอะไรที่เคยได้เห็นมา สยามเมืองยิ้ม กำลังมลายหายไป เรากำลังเอาเรื่องความรักชาติ มาพิฆาตฆ่าฟันกัน คนไทยแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า หลังการปฏิวัติ 19 กันยายน และรัฐธรรมนูญ 2550 บ้านเมืองเกิดความแตกแยก นายชาญวิทย์กล่าว นายชาญวิทย์กล่าวว่า คิดว่าเรากำลังถูกสึนามิทางการเมืองก่อตัวพร้อมถล่มให้พินาศ มีจลาจลเป็นอนาธิปไตย มีสงครามการเมือง การที่สิ่งศักดิ์ประสาทพระวิหาร,เขาพนมรุ้ง ถูกยกขึ้นมากลายเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อโค่นล้มกันอาจจะเป็นสัญญาณกลียุค
แต่เมื่อถึงจุดที่เป็นจลาจล กลียุค มิได้หมายความว่ามันจะมืดดำไปทั้งหมด ซึ่งมันเป็นการจบเพื่อขึ้นยุคใหม่ ซึ่งมีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า และถ้าเผื่อเราอยากจะหลีกเลี่ยง วัฏจักรนี้ให้ได้หรือชะลอไป เราจะต้องสร้างความสมานฉันท์ปองดองขึ้นในชาติโดยรวม โดยเฉพาะระดับรากหญ้า และต้องทำให้คนชั้นสูง ชั้นกลางที่กุมอำนาจรัฐหรือรัฐบาล เกี้ยเซี้ย ประนีประนอมผลประโยชน์กันได้ และจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดให้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งสยาม ไม่ใช่ของไทยหรือไทยแลนด์ ให้มีเนื้อหาสาระที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นายชาญวิทย์กล่าว
ด้านดร.พรายพลกล่าวว่า เมืองไทยไม่น่าอยู่เหมือนเดิม คนที่เป็นญาติกันไม่ค่อยกล้าเกี่ยวกับเรื่องการเมืองกลัวทะเลาะกัน แต่ด้านเศรษฐกิจเรามีทางออกเสมอขึ้นอยู่กับว่าออกไปแล้วจะเจออะไร คนต้องทำมาหากินไม่ว่าบ้านเมืองจะวุ่นวาย จะสับสนก็ตาม เกษตรกรต้องทำนาทำไร่ เชื่อว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ใช้นโยบายในทิศทางที่ถูกต้องที่ให้รัฐบาลใช้จ่ายมากขึ้น