วิกฤติทางสมองพบแพทย์ทันฟื้นหนักเป็นเบา
นพ.โอรส ให้ความรู้เรื่องโรคหลอดเลือดสมองว่า เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดง และหลอดเลือดดำ ส่วนใหญ่หมายถึงหลอดเลือดแดงในสมอง ซึ่งอาจเกิดภาวะตัน ตีบหรือแตก ร้อยละ 90-98 เกิดจากหลอดเลือดแดงเล็ก ๆ น้อย ๆ มองง่าย ๆ เหมือนท่อจะมีท่อน้ำเข้ากับท่อน้ำออก เพื่อเข้าสู่แท็งก์ แท็งก์น้ำคือ สมองท่อน้ำที่เข้าสู่แท็งก์คือ หลอดเลือดที่สูบฉีดเลือดแดงสู่สมอง ส่วนหลอดเลือดดำคือ ทางระบายน้ำออก ซึ่งทางระบายน้ำออกมาจากท่อใหญ่ความดันไม่สูงมาก การเกิดกับหลอดเลือดดำจึงค่อนข้างน้อย ฉะนั้นร้อยละ 90-95 เป็นโรคหลอดเลือดแดง
อาการเตือนที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง ได้แก่ หน้าเบี้ยว หนังตาตก หลับตาไม่สนิท ตามองเห็นภาพซ้อน มองไม่เห็น แขนขาอ่อนแรง ยกแขนหรือขาไม่ได้ อ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก เดินเซ เดินไม่ได้ พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ ไม่เข้าใจคำพูด ปวดศีรษะรุนแรงหากพบอาการเหล่านี้ แม้เกิดขึ้นข้อเดียวอาจเป็นความเสี่ยงได้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและประสาท วิทยา กล่าวถึงแนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดสมองว่า ส่วนใหญ่คนไทยไม่ทราบว่าอาการเป็นอย่างไร ทำให้พบแพทย์ช้าและสูญเสียการรักษา แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับคนไข้ว่าเป็นโรคอะไร เป็นเส้นเลือดตีบ แตกหรือตัน ถ้าเป็นโรคหลอดเลือดแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาร้อยละ 20-30 ส่วนร้อยละ 50-60 รักษาด้วยตัวยาลดสมองบวม นอกจากการให้ยาลดสมองบวมแล้ว ผลที่ได้รับจากก้อนเลือด ขยายตัวขึ้นอาจทำให้แขนขาอ่อนแรง การรักษาต้องรักษาด้วยกายภาพบำบัดต่อ
สำหรับการดูแลตัวเอง นพ.โอรส แนะนำว่า หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงอายุเกินกว่า 40-45 ปี ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเป็นประจำ เมื่อพบความเสี่ยงต่าง ๆ พยายามแก้ไขหรือป้องกันโรค เช่น มีไขมันสูงต้องควบคุม ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่อย่าหักโหม ถ้ามีเบาหวานต้องระวังไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูง โรคหลอดเลือดสมองไม่ใช่เป็นโรคที่รักษาแล้วไม่หายขาด แต่สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ ถ้ามีกำลังใจที่สำคัญ ตั้งใจรักษาตัวเอง ส่วนใหญ่ปัญหาของคนไทยเกิดจากมาโรงพยาบาลไม่ทัน ทำให้ผลการรักษาออกมาไม่ดี ทำให้ทุพพลภาพ คนที่ดูแลต่อจะลำบาก ถ้ามาโรงพยาบาลเร็ว โอกาสช่วยคนไข้มีมาก.