เปิดใจ คุณตาเจ้าของ "พี่เตี้ย มช." ตัวจริง สุดสะเทือนใจทราบข่าวการตาย

เปิดใจ คุณตาเจ้าของ "พี่เตี้ย มช." ตัวจริง สุดสะเทือนใจทราบข่าวการตาย

เปิดใจ คุณตาเจ้าของ "พี่เตี้ย มช." ตัวจริง สุดสะเทือนใจทราบข่าวการตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณตาวัย 72 ปี อดีตเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของตัวจริง “พี่เตี้ย มช.” เล่าประวัติความเป็นมาละเอียดยิบ เตรียมร่วมมูลนิธิวอชด็อกดำเนินการตามกฎหมาย

ความคืบหน้ากรณีการตายของ “เตี้ย มช.” สุนัขชื่อดังที่เป็นที่รักของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคนรักสุนัข ซึ่งถูกพบเป็นซากเน่าอืดถูกทิ้งไว้ในป่าหญ้าข้างทางในซอยเปลี่ยวตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7พ.ค. หลังจากที่หายตัวไปหลายวัน

ล่าสุด วันนี้ (21 พ.ค.) จากการตรวจสอบทราบว่าเจ้าของที่แท้จริงของเตี้ย มช. คือ นายสมศักดิ์ ไชยวงค์ อายุ 72 ปี อดีตเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ย่านชุมชนเจ็ดยอด ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเปิดเผยว่า เตี้ย มช. เป็นสุนัขของตัวเองและครอบครัว ที่บ้านตั้งชื่อว่าช้าง เกิดพร้อมกับพี่น้องท้องเดียวกันรวม 5 ตัว เมื่อช่วงประมาณเดือน ก.พ.2555 จากแม่ที่ชื่อถุงเงิน ที่ปัจจุบันอายุประมาณ 12 ปี และยังมีชีวิตอยู่ที่บ้าน พร้อมกับน้องของเตี้ย มช. อีก 2 ตัว

โดย ช้าง หรือ เตี้ย มช. ที่คนส่วนใหญ่รู้จักนั้น มีนิสัยเป็นมิตรและชอบเล่นกับคนตั้งแต่เล็กๆ แล้ว ซึ่งเมื่ออายุได้เพียงประมาณ 6 เดือน หรือช่วงปลายปี 2555 ก็เริ่มตามคนออกเที่ยวแล้วจากละแวกใกล้ๆ บ้าน และขยับออกไปไกลจนถึงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยในช่วงแรกยังกลับบ้านบ้าง จนกระทั่งในช่วง 3 ปี หลังมานี้แทบจะไม่ได้กลับมาเลยและใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นหลัก ครั้งสุดท้ายที่เตี้ย มช.กลับมาบ้านน่าจะประมาณปีที่แล้ว และมาเพียงวันเดียวก็กลับไป

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเวลาที่เตี้ย มช. ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้น ตัวเองมักจะแวะเวียนไปเที่ยวหาอยู่เสมอ เพราะปกติในช่วงเช้าของทุกวันจะออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานขึ้นดอยสุเทพ และขากลับจะขี่เข้าไปหาในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วงแรกพบว่าเตี้ย มช. มักจะนอนอยู่บริเวณศาลาธรรม จนต่อมาใช้ชีวิตอยู่ที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นหลัก โดยมีนักศึกษาเอ็นดูรักใคร่ให้อาหารกินและดูแลอย่างดี

ซึ่งมีครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนตัวเองเคยพยายามจะพาเตี้ย มช. กลับบ้าน ด้วยการขี่จักรยานและผูกเชือกจูงกันมา แต่เตี้ย มช. กลับมาอยู่ได้เพียง 2-3 วัน ก็กลับไปอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกเหมือนเดิม สุดท้ายจึงตัดสินใจปล่อยให้เตี้ย มช. ใช้ชีวิตอย่างอิสระตามความต้องการ เพราะเห็นว่ามันมีความสุขดีและวางใจได้ว่าได้รับการดูแลอย่างดีจากคนที่รักใคร่มัน

นายสมศักดิ์ บอกว่า ตอนแรกไม่คิดว่า เตี้ย มช. จะกลายเป็นสุนัขชื่อดังที่มีคนรู้จักและรักใคร่มากมายเช่นนี้ จนครั้งหนึ่งในช่วงที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดงานประเพณีรับน้องขึ้นดอย เห็น เตี้ย มช. วิ่งขึ้นดอยด้วยกับนักศึกษาและกลายเป็นข่าวโด่งดัง ซึ่งดีใจด้วยกับ เตี้ย มช.ที่มีคนรู้จักและรักใคร่มากมายเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม ทั้งตัวเองและครอบครัวไม่เคยคิดแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของดั้งเดิมของเตี้ย มช. เลย แต่ยังผูกพันกันอยู่ในฐานะเจ้าของ และเตี้ย มช. หรือ ช้าง ก็ยังจำได้ เพราะทุกครั้งที่ตัวเองหรือคนในครอบครัวแวะเวียนไปหาหรือเจอกับเตี้ย มช. โดยเรียกชื่อว่า ช้าง มันยังจำได้และวิ่งเข้ามาหาพร้อมเล่นด้วยอย่างมีความสุขและคุ้นเคยทุกครั้ง

สำหรับการตายของ เตี้ย มช. นั้น นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อทราบข่าวครั้งแรกรู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมาก แม้จะไม่ได้เลี้ยงดู เตี้ย มช.อยู่ที่บ้าน แต่ตัวเองยังรักใคร่ผูกพันในฐานะเจ้าของอยู่ดี เพราะเห็นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ลืมตาดูโลก และทุกวันนี้ถุงเงิน แม่ของเตี้ย มช. ก็ยังอยู่ที่บ้านของตัวเอง พร้อมกับน้องอีก 2 ตัว

นายสมศักดิ์ บอกอีกว่า ตนยิ่งรู้สึกสะเทือนใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่ามีความเป็นไปได้ที่ เตี้ย มช. อาจจะถูกทารุณกรรมหรือถูกฆ่าให้ตาย ซึ่งมองว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมเกินไป และอยากจะถามคนที่ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกับเตี้ย มช. ที่เป็นมิตรกับทุกคนและไม่มีทางสู้

โดยจากเดิมที่ไม่เคยคิดว่าจะแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ แต่เมื่อได้รับการติดต่อประสานงานจากทางมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องสงสัย จึงพร้อมที่จะแสดงตัว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเตี้ย มช. โดยในส่วนของการดำเนินการตามกฎหมายนั้น จะมอบหมายให้ทางมูลนิธิฯ เป็นตัวแทนดำเนินการให้จนถึงที่สุด เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook