ทรัมป์ภูมิใจสหรัฐฯ ติดโควิด-19 มากสุดในโลก ถือเป็น "เหรียญแห่งเกียรติยศ"

ทรัมป์ภูมิใจสหรัฐฯ ติดโควิด-19 มากสุดในโลก ถือเป็น "เหรียญแห่งเกียรติยศ"

ทรัมป์ภูมิใจสหรัฐฯ ติดโควิด-19 มากสุดในโลก ถือเป็น "เหรียญแห่งเกียรติยศ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศ สหรัฐฯ ติดโควิด-19 มากที่สุดในโลก ถือเป็น “เหรียญแห่งเกียรติยศ” ชี้ ยืนยันถึงประสิทธิภาพในการตรวจหาเชื้อที่ยอดเยี่ยม

สื่อต่างประเทศรายงานข่าวว่า ระธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาว ระบุว่า การที่สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อโควิด19 เป็นอันดับ 1 ของโลกนั้น แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ มีการตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ดีกว่าประเทศอื่นๆ และถือเป็นว่า “เหรียญแห่งเกียรติยศ”

ทรัมป์ กล่าวอีกว่า ด้วยความพยายามตรวจเชื้อโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด ทำให้สหรัฐฯ พบผู้ป่วยจำนวนมาก และขอคารวะต่อการทำหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ได้ทุ่มเทพยายามทำทุกอย่างเพื่อยับยั้งโควิด-19

รายงานระบุว่า ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ เปิดเผยว่าสหรัฐฯ ได้ทำการตรวจเชื้อโควิด-19 ไปแล้วทั้งหมดราว 12 ล้าน 6 แสนครั้ง ส่วนตัวเลขผู้ติดล่าสุดในวันนี้ (20 พ.ค.63) อยู่ที่ 1,570,583 คน และมียอดผู้เสียชีวิต93,533 คน

ขณที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างสม่ำเสมอและมีผลตรวจ “เป็นลบทุกครั้ง”

ฌอน คอนเลย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว ระบุว่าทรัมป์ “มีสุขภาพแข็งแรงมาก และปราศจากอาการป่วย” โดยเข้ารับการตรวจโรคโควิด-19 เป็นประจำทุกวัน หลังจากหนึ่งในผู้ช่วยส่วนตัวประจำทำเนียบขาวมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน

โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้กินยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรีย ที่เขานำเสนออยู่บ่อยครั้งว่าใช้ได้ผลในการรักษาโรคโควิด-19

อย่างไรก็ดี ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้ออกมาเตือนว่าการใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) หรือคลอโรควิน (chloroquine) สำหรับโรคโควิด-19 “นอกโรงพยาบาลหรือการทดลองทางคลินิกอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านการเต้นของหัวใจ”

ประกอบกับยังไม่มีรายงานที่แสดงว่าไฮดรอกซีคลอโรควินและคลอโรควินปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาหรือป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ยาทั้งสองอย่างยังอยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิกเพื่อใช้ในการรักษา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook