อนาถ!หมู่บ้านไร้ไฟฟ้า ห่างนิคมอุตสาหกรรมไม่ถึง 500 ม.

อนาถ!หมู่บ้านไร้ไฟฟ้า ห่างนิคมอุตสาหกรรมไม่ถึง 500 ม.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นร.จุดตะเกียงอ่านหนังสือ-เตารีดยังใช้เตาถ่าน

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากนายไพรัตน์ คำดี อายุ 36 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านกุดปลาหวี หมู่ 4 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ว่า มีครอบครัวชาวชุมชนหนองกอกซึ่งเป็นราษฎรพื้นที่ หมู่ 4 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้รับความเดือดร้อน ไม่มีไฟฟ้าใช้มานานกว่า 52 ปี นายไพรัตน์ เล่าถึงความเป็นมาของชุมชนหนองกอกว่า ปี 2496 มีพลทหารเลื่อน จ้อยสกุล ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกสงครามอินโดจีน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว กลับจากสมรภูมิรบ ไม่มีที่ดินสร้างบ้านและทำกินจึงได้ไปแจ้งกำนัน ต.บ่อทองในขณะนั้นคือนายประทุม สำราญกิจ ได้อนุญาตให้พลทหารเลื่อน จ้อยสกุล พาครอบครัวและลูก ๆ ไปสร้างบ้านเรือนอยู่ที่ด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านกุดปลาหวี โดยได้ออกหนังสือ ภบท.6 เลขที่สำรวจ182 มีชื่อนายเลื่อน จ้อยสกุลเป็นเจ้าของที่ดิน มอบไว้เป็นหลักฐาน และเสียภาษีดอกหญ้าให้แก่ทางราชการโดยตลอด ต่อมาในปี พ.ศ.2518 ต.บ่อทองได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวกว่า 2,500 ไร่เป็นที่สาธารณะประโยชน์ นายไพรัตน์ กล่าวว่า ระหว่างปีพ.ศ.2539 - 2540 เริ่มมีผู้คนภายนอกเข้ามาจับจองที่ดินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีกลุ่มนายทุนหลายกลุ่มเข้ามาบุกรุกที่ดิน และทางราชการสมัยนั้นได้ออกโฉนดให้ จนที่ดินเหลือกว่า900 ไร่ต่อมา แต่ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวที่ทำกินมาบนผืนเดียวกัน ทางราชการกลับอ้างว่าเป็นที่สาธารณะออกเอกสารสิทธิให้ไม่ได้ จึงไม่สามารถต่อไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านได้ เป็นภาพที่น่าเวทนา เมื่อใครก็ตามที่เข้ามาในหมู่บ้านนี้ ที่อยู่ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรม เลยจากถนนสายสุวรรณศรเข้ามาแยกบ่อทองแค่เกือบ 500เมตรและแยกไปตามถนนลูกรังอันขรุขระ จะพบครอบครัวย้อนยุคสังคมไทยจากปัจจุบันไปไกล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านกุดปลาหวี กล่าวว่า โดยชาวชุมชนหนองกอก ทุกบ้าน จำนวน 21 ครัวเรือน ชาวบ้านรวม 71 คน หลังพระอาทิตย์ตกดินความมืดเข้าครอบงำทุกหลังคาจะจุดตะเกียง เดือ ทำการบ้าน โดยจุดตะเกียงหลาย ๆ ดวงให้แสงสว่างเพียงพอ หากวันไหนลมแรงหรือพายุฝนใหญ่ วันนั้นการบ้านหรือหนังสือไม่ต้องทำไม่ต้องอ่านทบทวน และในการไปโรงเรียนของเด็ก ๆ แทนที่จะได้รีดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่นักเรียนเหล่านี้ไม่ได้เคยรีดเลย เพราะในหมู่บ้านมีเตารีดแบบโบราณเป็นทองเหลืองที่ใช้ถ่านไม้ แค่ 2 ตัวหมุนเวียนใช้กัน หากใช้ไฟแรงก็ต้องคอยพรมน้ำ หรือเอาใบตองรองให้ลื่น หากไฟแรงเกินเป็นอันเสื้อผ้าไหม้ นายไพรัตน์ กล่าวและว่า เมื่อไม่มีไฟฟ้า เครื่องอำนวยความสะดวก ทีวี พัดลม ตู้เย็น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า พวกเขาไม่เคยสัมผัส ในหมู่บ้านชุมชนนี้ มีทีวีสีขนาด 14 นิ้วอยู่เครื่องเดียว เวลาจะใช้ต้องปั่นไฟฟ้าด้วยรถไถนา ชมข่าวสาร ความบันเทิง ต้องดูรวมกันเพียงเครื่องเดียว ช่องเดียวเหมือนมีมหรสพอะไร และจำกัดเวลาไม่อิสระ เคยนำชาวบ้านร้องเรียนอำเภอกบินทร์บุรี ร้องเรียนองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อทอง(อบต.) และสำนักนายกรัฐมนตรีในปี 2549 แต่ไม่เป็นผลแต่อย่างใด สิ่งที่จะสะท้อนปัญหานี้มีเพียงสื่อมวลชนเท่านั้นนายไพรัตน์ กล่าวในที่สุด ด้านนางระเบียบ จ้อยสกุล อายุ 52 ปี เลขที่ 24/ 1 หมู่ 4 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า บิดาคือนายเลื่อน จ้อยสกุลมีลูกรวม 10 คน และทั้ง 21 ครอบครัว ล้วนเป็นลูกหลานเข้ามาถือครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ภายหลังปี พ.ศ.2517 " 2518 ทางราชการได้ประกาศเป็นที่สาธารณะ ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลานั้นบิดามีเอกสารคือหนังสือ ภบท.6 เลขที่สำรวจ182มีชื่อนายเลื่อน จ้อยสกุล เป็นเจ้าของที่ดินมอบไว้เป็นหลักฐาน โดยตลอดช่วงระยะเวลาได้เสียภาษีดอกหญ้าให้แก่ทางราชการโดยตลอด สิ่งที่ต้องการให้ลูกหลานรุ่นหลังในปัจจุบันคือให้เขาได้มีไฟฟ้าใช้ เพราะทุกวันนี้ลูกหลานที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมจะพากันไปเช่าบ้านที่ด้านนอกในเมืองเขต อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากที่บ้านไม่มีไฟฟ้าเวลาไปทำงานต้องชุดเรียบร้อย หรือต้องใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ กลูก ๆ หลานให้ตายายเลี้ยงทั้ง ๆ ที่อยู่เขตพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีแท้ ๆ ทำให้ครอบครัวไม่อบอุ่น สิ่งที่ตลอดชีวิตต้องการนี้คือไฟฟ้านางระเบียบกล่าวในที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมชีวิตชาวชุมชนหนองกอก ดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายต่างจากในเมืองหรือเขตอุตสาหกรรม เวลารับประทานอาหารจะรวมกันกินอยู่แบบครอบครัวใหญ่แบ่งปันมีน้ำใจ ทีวี.ที่ดูข่าว " บันเทิงมีเครื่องเดียวที่บ้านนายณรงค์ ศิริล้น อายุ 48 ปี ที่ใช้ปั่นไฟฟ้าโดยรถไถเดินตามโดยปั่นไฟฟ้าเฉพาะดูทีวีช่วงเวลา 18.00 " 22.00 น. อาชีพหลักส่วนใหญ่ทำไร่ / ทำนา รับจ้างทั่วไป จากที่มืดมาต้องดับตะเกียงนอนแต่หัวค่ำจึงไม่แปลกที่ชุมชนหนองกอกต้องมีลูกมากถึง 21 ครอบครัว ประชากรกว่า 71 คน ขอใครไม่ได้ชาวบ้านบอกว่าขอนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะสงสารพวกเขาคนไทยด้วยกันด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook