แม้ว ปั่นโหวต! คว้าอันดับ1 มิสเตอร์ทวิตเตอร์ไทย

แม้ว ปั่นโหวต! คว้าอันดับ1 มิสเตอร์ทวิตเตอร์ไทย

แม้ว ปั่นโหวต! คว้าอันดับ1 มิสเตอร์ทวิตเตอร์ไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"แม้ว"ปั่นโหวตคว้าอันดับ1"มิสเตอร์ทวิตเตอร์" ในไทย ขณะที่ชาวทวิตเตอร์เริ่มไม่พอใจ หวั่นบิดผลโหวตใช้เป็นเครื่องมือหาเสียง ด้าน "นายกฯ" ยิ้มปลื้มของขวัญวันเกิดจากลูก-เมีย เผยอยากเห็นบ้านเมืองสงบ-สังคมมีความสุข

การช่วงชิงความเป็นผู้นำในการติดต่อสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เพื่อใช้ในการสื่อสารกับกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของเขา โดยใช้ชื่อ "Thaksinlive" นั้น ล่าสุดพบความผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อมีการจัดประกวดมิสเตอร์ทวิตเตอร์ขึ้น ซึ่งปรากฏว่าทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันครบรอบวันเกิด 60 ปี วันที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการส่งข้อความไม่กี่ครั้ง แต่กลับได้รับการบันทึกว่า เป็น "มิสเตอร์ทวิตเตอร์" ที่มีผู้นิยมเข้ามาชมสูงสุด จนกลายประเด็นร้อนที่มีการครหาถึงผลโหวตที่อาจจะมีการใช้โปรแกรมตัดโหวต หรืออาจจะระดมคนมาช่วยกันโหวตให้ "thaksinlive"

ทั้งนี้ สามารถเข้าไปดูหรือร่วมโหวตได้ที่ http://tweeterwall.mallplace.com/tw/thailand/mr-twitter โดยทวิตเตอร์เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน แค่พิมพ์ข้อความไม่เกิน 140 คำ ข้อความที่พิมพ์ก็จะกระจายไปสู่เครือข่ายทั้งหมด คล้ายกับการสร้างสาวก ที่พวกเขาจะรู้ว่าคุณทำอะไรอยู่ที่ไหนและอย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเกอร์ จากบล็อกวัยรุ่นชื่อดัง กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วห้างสรรพสินค้ามอลล์เพลซ จับมือกับกลุ่มคนที่เล่นทวิตเตอร์ ได้จัดประกวด "มิสเตอร์ทวิตเตอร์" ทั่วประเทศ โดยให้ผู้เล่นทวิตเตอร์เข้ามาโหวตให้คะแนนผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเข้าประกวด โดยสามารถโหวตได้ทุก 20 นาที ซึ่งในประเทศไทย ตอนแรกนั้น ชื่อของ "Sugree" ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกทวิตเตอร์รายแรกๆของไทย มีการส่งข้อความกว่า 1.5 แสนครั้ง ได้รับการโหวตคะแนนนำมาตลอด แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา "thaksinlive" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีการส่งข้อความถึงประชาชนแค่ 24 ครั้ง กลับได้รับการโหวตให้มีคะแนนสูงสุด นับเป็นเรื่องผิดปกติมาก อาจจะมีการระดมคนมาช่วยโหวต ทั้งที่การโหวตมิสเตอร์ทวิตเตอร์ ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเม็ดเงินหรือรางวัล เพียงแต่จะมีการจารึกชื่อไว้ว่า เป็นผู้ได้รับความนิยมสูงสุดในทวิตเตอร์เท่านั้น

"คนส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจ ขนาดแค่การประกวดแค่นี้อาจมีการปั่นคะแนนโหวต แล้วประเทศชาติจะเป็นอย่างไร" ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลโหวตมิสเตอร์ทวิตเตอร์ในประเทศไทย เมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 3 สิงหาคม ปรากฏว่า ทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ @thaksinlive มีผลโหวตเป็นอันดับ 1 จำนวน 30,573 โหวต ตามด้วยทวิตเตอร์ของนายจาตุรนต์ ฉายแสง @chaturon มีคะแนนมาเป็นอันดับ 2 จำนวน 22,473 โหวต ส่วน @sugree มีคะแนนมาเป็นอันดับสาม จำนวน 17,291 ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี @pm_abhisit มีคะแนนโหวตเป็นอันดับ 11 จำนวน 6,410 แต่ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ได้แจ้งขอยกเลิกการใช้ทวิตเตอร์ไปแล้ว อย่างไรก็ตามจะมีการปิดรับผลโหวตภายในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ และจะนำภาพผู้ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด มาเผยแพร่ที่ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว

นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรรายการ "แบไต๋ไฮเทค" ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนเนล หรือทวิตเตอร์ @nuishow ที่ได้รับการโหวตมาเป็นอันดับที่ 5 จำนวน 7,921 คะแนน ยอมรับว่า ชาวทวิตเตอร์กำลังตั้งข้อครหาถึงความไม่ชอบมาพากลของการโหวตมิสเตอร์ทวิตเตอร์ คล้ายกับการปล้นตำแหน่งดังกล่าว

ด้าน "สภากาแฟ" จากบล็อก "โอเคเนชั่น" ตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะได้รับการโหวตให้เป็นมิสเตอร์ทวิตเตอร์สำหรับเมืองไทยจริงหรือ ? โดยระบุว่า ตอนนี้กำลังมีการโหวตสำหรับเลือกมิสเตอร์ทวิตเตอร์ในแต่ละประเทศและแต่ละกลุ่ม สำหรับประเทศไทยการโหวตล่าสุดจะเห็นได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังมีคะแนนนำ เหนือคนที่เล่นทวิตเตอร์จริงๆ อย่าง @sugree หรือพิธีกรหนุ่มชื่อดังอย่าง @nuishow

"ทวิตเตอร์เป็นเว็บไซต์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เราส่งข้อความว่า What are you doing? หรือบอกเพื่อนๆ และคนติดตามว่าเรากำลังทำไรอยู่ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยที่เล่นทวิตเตอร์จำนวนมากจะรู้จัก @sugree เพราะเป็นคนแรกๆ ที่เล่น จนส่งข้อความได้เป็นแสนครั้ง เมื่อเทียบกับนักการเมืองบางคนที่เล่นมาแค่ไม่กี่วัน หรือส่งข้อความนับครั้งได้ การโหวตมิสเตอร์ทวิตเตอร์ ก็เพื่อที่จะเลือกคนที่ส่งข้อความบ่อยๆ เล่นอย่างจริงจัง และส่งข้อความที่เป็นจริง ผมเชื่อว่าชาวเน็ตคงไม่อยากเห็นผลการโหวตในบ้านเราถูกบิดเบือนให้นักการเมือง เพื่อเป็นเครื่องมือในการหาเสียงแต่ละฝ่าย" สภากาแฟ แสดงความคิดเห็นผ่านบล็อกโอเคเนชั่น

นายกฯ ทำบุญวันเกิด 45 ปี

เมื่อเวลา 06.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นิมนต์พระจากวัดดาวดึงส์ ย่านบางยี่ขัน 9 รูป มาทำพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 45 ปี ที่บ้านพักในซอยสวัสดี (สุขุมวิท 31) โดยมีทหารตำรวจรักษาการณ์อย่างแน่นหนา รวมทั้งสื่อมวลชนจำนวนมากมารอทำข่าว นายอภิสิทธิ์ได้ให้เเม่บ้านนำพระเครื่อง "พระพุทธเจ้าปางชนะมาร" ใส่มาในตะกร้าหวาย ผูกโบสีฟ้าและถุงใส่พระเครื่องก็เป็นสีฟ้าเช่นกัน ด้านหน้ากล่องพระเครื่องเขียนว่า "พระพลังแผ่นดิน ปกบ้านคุ้มเมือง ชาวประชาไทยร่มเย็นเป็นสุข" นำมาเเจกให้แก่ทหารตำรวจและสื่อมวลชน บรรยากาศการทำบุญตักบาตรวันเกิดนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างอบอุ่น โดยมี พญ.สดใส เวชชาชีวะ มารดานายอภิสิทธิ์มาร่วมทำบุญด้วย

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงของขวัญวันคล้ายวันเกิดว่า นางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา ให้เครื่องเสียงที่ต่อกับไอพอด เพราะตนเป็นคนชอบฟังเพลง ขณะที่ น.ส.ปราง เวชชาชีวะ บุตรสาว ให้ตุ๊กตาแพนด้า และภาพที่วาดด้วยฝีมือตัวเอง เช่นเดียวกับนายปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ (น้องปัณณ์) บุตรชาย ให้ภาพที่วาดด้วยฝีมือของตัวเองเป็นของขวัญวันเกิด สำหรับสิ่งที่อยากได้ในวันเกิดคือ อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข คนไทยมีความสุข เศรษฐกิจฟื้นตัว สังคมดีขึ้น การเมืองเป็นประชาธิปไตยที่มีวุฒิภาวะ ขณะเดียวกันพร้อมจะทุ่มเททำงานหนักมากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาครึ่งปีกว่าๆ แม้จะทำในหลายเรื่อง แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำและอยากทำ แต่ยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่มาก ตนจะไม่ลดละความพยายาม โดยจะเดินหน้าด้วยความขยัน ซื่อสัตย์ และทุ่มเทความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่

ส่วนที่คนเสื้อแดงแต่งชุดดำไว้ทุกข์ในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันเกิดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใครอยากจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ไม่มีปัญหา ตนเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว แต่คิดว่ามีคนบางกลุ่มมีเป้าหมายทางการเมือง ซึ่งคงจะเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าทำให้เสียหลักของบ้านเมือง เราต้องไม่ยอมให้เอาความเคลื่อนไหวมาบีบบังคับหรือขู่เข็ญ สำหรับนักการเมืองก็ควรรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ซึ่งได้พยายามพูดหลายครั้ง รวมทั้งในสภาด้วยว่าขอให้การเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบต่อสถาบันหลักของชาติ และคนที่จะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวก็ควรจะหยุด

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณหยิบยกประเด็นนี้ไปปลุกระดมประชาชน นายกฯ กล่าวว่า ในที่สุดก็ฟ้องออกมาว่าทั้งหมดเคลื่อนไหวเพื่ออะไร และที่บอกว่าให้ตัดไฟแต่ต้นลม ต้องถามว่าหมายถึงอะไร หากเป็นการไปท้าทาย หรือยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงมากกว่านี้ ก็ไม่เป็นผลดีต่อใคร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องให้อยู่ในกรอบ และไม่ใช่ว่ารัฐบาลเฝ้าระวังเพียงอย่างเดียว มีหลายอย่างที่ได้ทำ คือชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การอธิบายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะต้องยอมรับว่าคนที่เข้าใจเรื่องแบบนี้มีไม่มาก

"ผมไม่คิดว่าเรื่องการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาจะมีอะไรมากระทบจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ขณะนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าที่ทำกันอยู่ ไม่ได้เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย ไม่เป็นไปตามโบราณราชประเพณี น่าจะกระทบกระเทือน ดังนั้นก็น่าจะหยุดกัน" นายกฯ กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ทยอยเข้าอวยพรนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ส.ส. ส.ว.ต่างส่งกระเช้ามาร่วมอวยพรเป็นจำนวนมาก

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook