ผลวิจัยชี้คนท้องติดหวัด09เสี่ยงป่วยหนักกว่าคนธรรม4เท่า
สตรีมีครรภ์ยังมีความเสี่ยงสูงเช่นกันที่จะเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือแม้แต่จากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แต่ก็มีสตรีมีครรภ์ในสหรัฐฯเพียงร้อยละ 15 ที่ทำตามคำแนะนำตั้งแต่ปี 2547 ของ CDC เรื่องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะกลัวเกิดผลข้างเคียงกับบุตรในครรภ์
การเก็บรวบรวมและการวิเคราะห์โดย CDC แสดงว่าในระหว่างกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม อันเป็นเดือนแรกของการระบาด นับจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ประกาศให้โรคนี้เป็นโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก มีสตรีมีครรภ์ในสหรัฐฯที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัส เอ ( เอชวัน เอ็นวัน) รวม 34 คน ซึ่งในจำนวนนี้ มี 11 คน หรือ 1 ใน 3 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่อัตราส่วนของคนทั่วไปที่ติดเชื้อจนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ที่ร้อยละ 8 หรือ คิดเป็น 1 ใน 4 ของอัตราส่วนในสตรีมีครรภ์
จามีสันกล่าวว่า สาเหตุที่สตรีมีครรภ์มีความเสี่ยงจากโรคสูงมากขึ้น น่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในระบบต่างๆของร่างกายช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งรวมทั้งกลไกและฮอร์โมน, ระบบทางเดินหายใจ,หัวใจกับหลอดเลือดหัวใจ กับระบบภูมิคุ้มกัน ขณะเดียวกัน ขีดความสามารถของปอดยิ่งลดลงเมื่อตัวอ่อนเติบโตมากขึ้น มีพื้นที่ในปอดน้อยลงทำให้สตรีมีครรภ์อ่อนแอมากขึ้น จึงได้รับผลกระทบรุนแรงมากขึ้นจากโรคที่เกิดจากไวรัส รวมทั้ง ไข้หวัดใหญ่
เนื่องจากปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงยังไม่อาจแนะนำให้สตรีมีครรภ์ฉีดวัคซีนดังกล่าว แต่ขอเสนอแนะให้สตรีมีครรภ์ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล