อนุพงษ์เดือดไม่เคยเลือกสี-เลือกข้าง
สำหรับเรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า นโยบายที่ผ่านมาใช้รูปแบบการเมืองนำการทหารมาตลอด และการนำทหารลงไปพื้นที่ก็เพื่อทำความเข้าใจ ไม่ใช่ปราบปราม ถ้าจะให้ทหารถอนกำลังออกหมดก็ได้ แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ลงไปอยู่กับประชาชน 2.1 ล้านคน ไม่เช่นนั้นผู้ก่อความไม่สงบจะเข้าไปครอบงำประชาชนทั้งหมดเพราะเขามียุทธศาสตร์ หากเราพลาดก็จะทำให้คนเหล่านี้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มโจรใต้ ส่วนมาตรการทางกฎหมายต้องมีอย่างพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 ผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายนี้คือผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น ไม่ส่งผลต่อผู้บริสุทธิ์ เพราะถ้าไม่มีพ.ร.ก.การปฎิบัติหน้าที่จะยากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่มีการก่อการร้ายได้
ในสมัยท่านสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี สั่งให้สลายการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นสิ่งเดียวที่ผมไม่ทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี แม้แต่ท่านอภิสิทธิ์ก็ได้เรียกผมเข้าไปหารือเรื่องม็อบที่ทำเนียบรัฐบาลผมก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้สลลายการชุมนุม เรื่องการเมืองสีเขียวไม่เกี่ยว ทหารเป็นของประชาชน 64 ล้านคน ผมเข้าเรียนท่านสมัครท่านเข้าใจแม้ท่านไม่ชอบใจผมก็ตาม ตราบใดผมเป็นผบ.ทบ.อย่างไรผมก็ไม่ทำ ถึงวันนั้นถ้าท่านสมัครจะปลดผมๆก็น้อมรับ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
เหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย. ไม่ใช่การดำเนินการโดยสันติเหตุการณ์นั้นทำให้ชาติเสียหาย ปิดถนนใช้กฎอะไรไม่ทราบ ผมก็มีหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาในกทม. ปิดถนนทั้งกทม.ทำไม่ได้ ทหารขณะนั้นมี 6 กองร้อย ทหารในกองทัพครึ่งหนึ่งเป็นคนอีสานก็รู้ดีว่าจะมาฆ่าคนไทยไม่มีใครตาย ถ้ากองทัพเป็นศัตรูกับประชาชนกองทัพก็อยู่ไม่ได้ประเทศชาติย่อยยับแน่นอน ในอนาคตพวกไม่ว่าจะเป็นนายกฯคนไหนท่านก็ต้องมีกองทัพเหมือนกันและก็ต้องอยู่กับท่าน ปัญหาวันนี้มาจาก 2 กลุ่มที่แย่งอำนาจกัน แต่เสื้อแดง เสื้อเหลือง ต้องอยู่ในไทยด้วยกันจะตีกันไม่ได้ และจะมาให้กองทัพมาเป็นอาชญากรผมไม่ทำพล.อ.อนุพงษ์ กล่าว.