พระเทพฯทอดพระเนตรสุริยุปราคา เต็มดวงในจีน-ทรงถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ไทยผิดหวังเห็นไม่ชัด

พระเทพฯทอดพระเนตรสุริยุปราคา เต็มดวงในจีน-ทรงถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ไทยผิดหวังเห็นไม่ชัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
พระเทพฯทรงสนใจถ่ายภาพสุริยุปราคาเต็มดวงในเมืองจีนเป็นที่ระลึก คนไทยผิดหวังบ่นเสียดายเจอทั้งฟ้าปิดเมฆมาก-ฝนตก หลายจังหวัดรอเก้อ นักดาราศาสตร์แนะรอชมสุริยคราสบางส่วน15ม.ค.ปีหน้า ส่วนเต็มดวงต้องรออีก61ปี ในที่สุดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงที่มองเห็นจากพื้นโลกนานที่สุดในรอบศตวรรษที่ 21 คือ นานถึง 6 นาที 39 วินาที ก็เริ่มทยอยปรากฏขึ้นทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 22 กรกฎาคม โดยสำนักข่าวเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์รายงานว่า ประชาชนในหลายประเทศทั่วเอเชีย โดยเฉพาะในอินเดียและจีนสามารถมองเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างชัดเจนในหลายเมือง และต่างตื่นตาตื่นใจกับปรากฏการณ์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม หลายพื้นที่มีเมฆปกคลุมไม่สามารถมองเห็นได้

ด้านนายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ จากเมืองจินชาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ท้องฟ้าที่จีนแจ่มใส สามารถมองเห็นการเกิดสุริยุปราคาชัดเจน ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรปรากฏการณ์ดังกล่าวที่จีน ทรงให้ความสนพระทัยอย่างยิ่ง โดยถ่ายภาพปรากฏการณ์ด้วยกล้องส่วนพระองค์ เพื่อเก็บไว้ไปเป็นที่ระลึกด้วย

สำหรับประเทศไทย ประชาชนต่างแห่กันเฝ้าดูปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เช้าตรู โดยที่กรุงเทพฯ ทาง สดร.จัดกิจกรรม สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย ที่บริเวณสนามฟุตบอล โรงเรียนเทพศิรินทร์, วงเวียน 22 กรกฎา ถนนเยาวราช และบริเวณอนุสาวรีย์ 2 รัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ กล้องดูดวงอาทิตย์ (Solar Scope) กล้องรูเข็ม กว่า 10 ตัว พร้อมทั้งแจกแว่นตาดูดวงอาทิตย์ให้ผู้รอชมตั้งแต่เวลา 07.06 น. แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากฟ้าปิดและมีฝนตกโปรยปราย ทำให้ผู้ที่ไปรอชมต่างผิดหวังบ่นเสียดายไปตามๆ กัน

น.ส.ศิรามาศ โกมลจินดา ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ สดร. เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นการเกิดปรากฏการณ์จะเริ่มที่มหาสมุทรอินเดีย เนปาล ภูฏาน บังกลาเทศ ตอนเหนือสุดของพม่า เข้าสู่ตอนกลางของจีน เคลื่อนไปจรดชายฝั่งตะวันออกของจีน ก่อนไปจบลงที่มหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนประเทศไทยจะเห็นเพียงสุริยุปราคาบางส่วนเท่านั้น

เสียดายแทนคนกรุงเทพฯ ที่พลาดชมปรากฏการณ์ครั้งนี้ แต่ผู้ที่พลาดชมสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.narit.or.th และคนไทยยังมีโอกาสชมสุริยุปราคาอีกครั้ง ในวันที่ 15 มกราคม 2553 แต่จะเป็นสุริยุปราคาบางส่วนเท่านั้น ส่วนสุริยุปราคาแบบเต็มดวง จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 61 ปีข้างหน้า คือประมาณวันที่ 11 เมษายน 2613 น.ส.ศิรามาศกล่าว

นายเอกพจน์ พาณิชย์ปรีชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทพศิรินทร์ กล่าวว่า เสียดายที่พลาดชมสุริยุปราคาครั้งนี้ ทั้งๆ ที่มาเฝ้ารอดูตั้งแต่ 6 โมงเช้า อย่างไรก็ตาม จะรอดูอีกครั้งในวันที่ 15 มกราคมปีหน้า

ส่วนจังหวัดต่างๆ หลายแห่งก็ไม่สามารถมองเห็นได้ เช่นที่ จ.บุรีรัมย์ คณะครูอาจารย์และนักเรียนโรงเรียนภัทรบพิตร รวมทั้งประชาชนจำนวนมาก นำอุปกรณ์ทั้งกล้องโทรทัศน์ หน้ากาก และแผ่นกรองแสง เฝ้ารอชม ที่ลานหน้าพระพุทธรูปพระสุภัทรพิตร บนยอดเขากระโดง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. แต่ต้องผิดหวังเนื่องจากท้องฟ้าปิด มีเมฆมาก เช่นเดียวกับที่ สงขลา,ตรัง, พระนครศรีอยุธยา, ตราด, ประจวบคีรีขันธ์, นครศรีธรรมราช และ ลพบุรี

ที่ริมชายหาดหน้าศูนย์บริการวิชาการจิรายุ-พูนทรัพย์ อ.เมือง จ.ระยอง เทศบาลนครระยอง โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ (LESA) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกันจัดกิจกรรมสังเกตการณ์สุริยุปราคา โดยนำกล้องดูดวงอาทิตย์มาติดตั้งตามริมชายหาดกว่า 30 ตัว มีนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมจำนวนมาก แต่เมื่อถึงเวลาประมาณ 7.00 น. กลับมีกลุ่มเมฆบดบังทำให้มองไม่เห็นสุริยุปราคา จนนักเรียนหยอกล้อกันเองว่า มาคราวนี้ได้ดูปรากฏการณ์เมฆบังดวงอาทิตย์เต็มดวง แต่เมื่อใกล้เวลา 08.00 น. ขณะที่กำลังกันเก็บกล้อง ท้องฟ้ากลับสว่างขึ้น เด็กๆ จึงดูดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า เพราะมีเมฆบัง ทำให้เห็นสุริยุปราคาแบบรางเลือน แม้จะไม่ชัดเจนและเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความตื่นเต้นและดีใจให้เด็กๆ

อย่างไรก็ตาม หลายจังหวัดมีโอกาสเห็นสุริยุปราคา เช่นที่บริเวณลานหน้าหอดูดาว มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจำนวนมากมารอชมสุริยุปราคา เนื่องจากคาดว่าจะเห็นการบดบังดวงอาทิตย์ถึงกว่า 96% และยาวนานที่สุดในไทยคือประมาณ 2 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 07.00 น. ปรากฏการณ์สุริยุปราคาเริ่มขึ้น โดยเงาดวงจันทร์เริ่มบดบังดวงอาทิตย์จนเห็นได้ชัดเจน สร้างความฮือฮากับผู้เข้าชมอย่างมาก กระทั่งเวลาประมาณ 08.10 น. ก็บดบังเกือบเต็มใบ จากนั้นเริ่มคลายตัวลงเวลา 09.14 น.

ที่บริเวณสนามรักบี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เวลาประมาณ 07.12 นาที ท้องฟ้าเริ่มเปิด เงาของดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์มากที่สุดเวลา 08.04 น. และเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ เวลา 08.40 น. จนสิ้นสุดเวลา 09.11 น. หรือร้อยละ 63.4%

ส่วนที่ห้องสมุดประชาชน จ.กาฬสินธุ์ ฟ้าปิดตั้งแต่เช้า แต่ปรากฏว่าเวลา 08.11 น. สามารถชมปรากฏการณ์ได้ แต่เห็นเพียงครึ่งเสี้ยว โดยท้องฟ้าเริ่มสลัวนานกว่า 6 นาที ขณะที่ จ.ขอนแก่น มองเห็นได้ประมาณ 40% ที่สนามบาสเกตบอล มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เวลา 07.30 น. ท้องฟ้าเริ่มเปิดจนเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาชัดเจน บังเต็มที่ 54.7% เมื่อเวลา 08.08 น. และเคลื่อนออกไปจนหมดเวลา 09.16 น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook