รบ.กับฮิลลารีปัดพูดเรื่องคุกลับ ตร.สงสัย5มุสลิมที่เกาะยาว แต่ปัดไม่มีการป่วนประชุมอาเซียน

รบ.กับฮิลลารีปัดพูดเรื่องคุกลับ ตร.สงสัย5มุสลิมที่เกาะยาว แต่ปัดไม่มีการป่วนประชุมอาเซียน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รบ.ไทยและฮิลลารี คลินตันปัดพูดเรื่องคุกลับในไทย เชิญ4นักสิทธิมนุษยชนหญิงเข้าพบรมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ส่วนผู้ช่วยรมต.เดินสายหารือทั้งสุเทพและแกนนำเพื่อไทย ตร.ซักประวัติ5มุสลิมที่เกาะยาว แต่รมว.กลาโหมและเลขาธิการอาเซียนปัดไม่มีการป่วนประชุมอาเซียนที่ภูเก็ต รบ.ปัดมีคุกลับในไทย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ปฏิเสธข้อมูลของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ สื่อสิ่งพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์บทความเรื่องเจ้าหน้าที่ซีไอเอใช้คุกลับในประเทศไทยทรมานนักโทษก่อการร้าย ว่าเป็นเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2544-2545 ส่วนที่มาเกิดใหม่ในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐมาเยือนไทยนั้น เข้าใจว่าเป็นการตั้งคำถามถึงรัฐบาลใหม่ของสหรัฐ และนางฮิลลารีที่เดินทางมาในภูมิภาคนี้ เมื่อถามว่า ไทยมีความร่วมมือกับสหรัฐเรื่องคุกลับและการทรมานนักโทษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่แนวทางของเรา

นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หากเรื่องนี้เป็นบทความ เชื่อว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะไม่มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ดังนั้นต้องถามว่าผู้เขียนมีวัตถุประสงค์อะไร เชื่อว่าเรื่องนี้อาจจะมีผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศไทยว่าจ้างให้เขียน หรือจงใจที่จะดิสเครดิตประเทศไทย

ผู้ช่วยรมต.สหรัฐเดินสายคุยสุเทพและแกนนำพท.

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเคิร์ท แคมเบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก สหรัฐ พร้อมนายอีริค จีจอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง โดยใช้เวลาหารือเกือบ 1 ชั่วโมง จากนั้นนายสุเทพเปิดเผยว่า ในการหารือครั้งนี้ สหรัฐยืนยันสนับสนุนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการบริหารประเทศ และยังยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างสหรัฐกับไทย และกลุ่มประเทศอาเซียน

ต่อมานายเคิร์ทพร้อมคณะได้เข้าพบนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรค ประกอบด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายปานปรีย์ พหิทธานุกร นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายพิทยา พุกกะมาน หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายต่างประเทศ โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมหารือด้วย โดยนายเคิร์ทให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ช่วงเช้าได้เข้าพบนายสุเทพ โดยสหรัฐได้แสดงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับประชาชนไทย และเชื่อว่าไทยและสหรัฐจะมีความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต ในส่วนของสหรัฐสัญญาว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศไทยต่อไป

ด้านนายพิทยา นายปลอดประสพ และนายปานปรีย์ ร่วมแถลงผลจากการหารือ โดยนายปลอดประสพกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและคณะผู้แทนสหรัฐมีความเห็นตรงกันว่า ต้องการให้เกิดความมั่นคงในทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ประมาณวันที่ 3 สิงหาคมนี้ พรรคเพื่อไทยจะเชิญเอกอัครราชทูตทุกประเทศ ประจำประเทศไทย เข้ารับฟังความกังวลและนโยบายการแก้ไขปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและความเป็นประชาธิปไตย โดยจะเปิดโอกาสให้ทูตต่างประเทศซักถามตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการสะท้อนปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมพุ่งเป้าไปที่ประเด็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายพิทยากล่าวว่า มีการพูดถึงสถานการณ์ภาพรวม ไม่ได้เจาะจงไปที่ตัวบุคคล เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้ขอให้สหรัฐช่วยในเรื่องความขัดแย้งและความไม่เป็นธรรมหรือไม่ นายพิทยากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเพียงแต่อธิบายปัญหาและความกังวล แต่การจะให้สหรัฐมาแก้ไขปัญหาให้ เป็นเรื่องที่สหรัฐอาจลังเล เพราะสหรัฐคงไม่ต้องการก้าวก่ายกิจการในประเทศไทย

นายปานปรีย์กล่าวว่า ประมาณปลายปีนี้ คณะตัวแทนสหรัฐจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง โดยแจ้งว่าอยากเข้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่และมีจำนวนเสียงอันดับหนึ่ง ซึ่งสะท้อนไปว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเสียงข้างมากและชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง แม้จะถูกยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ประชาชนก็ยังเลือกพรรคเพื่อไทย

ฮิลลารีเข้าพบอภิสิทธิ์

เวลา 17.00 น. นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนและคู่เจรจาที่ จ.ภูเก็ต โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ นายเกียรติ สิทธิอมร ผู้แทนการค้าไทย เข้าร่วมหารือด้วย ท่ามกลางการอารักขาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น

ภายหลังการหารือนานกว่า 30 นาที นายกอร์ปศักดิ์และนางฮิลลารีร่วมกันแถลงข่าว โดยนายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า นายกฯได้ชี้แจงให้นางฮิลลารี ทราบถึงการพัฒนาด้านการเมืองในประเทศไทย และนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ พร้อมย้ำว่าประเทศไทยยังสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศได้ แม้เศรษฐกิจโลกกำลังประสบภาวะตกต่ำ แต่รัฐบาลยังมุ่งมั่นส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งเน้นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและยึดมั่นในสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา และความต่อเนื่องของการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปของสินค้าส่งออกไทยไปยังสหรัฐ โดยในช่วงท้ายนายกฯ ได้ฝากความระลึกถึงไปยังนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐด้วย

ไม่ขอพูดเรื่องคุกลับในไทย

ด้านนางฮิลลารีแถลงว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งถือเป็นสารที่ชัดเจนจากรัฐบาลนายโอบามาที่ต้องการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้เชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตยของไทย และมั่นใจว่ารัฐบาลจะนำพาประเทศไทยไปได้ แม้จะมีปัญหาทางภายในประเทศบ้างก็ตาม และไทยมีศักยภาพในการนำภูมิภาคอาเซียนไปสู่ความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจและสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงาน ในช่วงท้ายนางฮิลลารี ได้ตอบคำถามกรณีสื่อสหรัฐเผยแพร่ข้อมูลว่าซีไอเอได้แอบสร้างคุกลับในประเทศไทยเพื่อใช้กุมขังผู้ก่อการร้ายสากล แต่นางฮิลลารีปฏิเสธจะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า ไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ เพราะภารกิจการเดินทางมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย โดยถือว่าไทยเป็นพันธมิตรสำคัญ ซึ่งรัฐบาลนายโอบามาเองก็ยืนยันจุดยืนเรื่องการดูแลและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน และยอมรับความตกลงที่ไทย-สหรัฐ ทำไว้ร่วมกัน

4นักสิทธิมนุษยชนหญิงเข้าหารือฮิลลารี

กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยกำหนดการเยือนประเทศไทยของนางฮิลลารี คลินตัน ในวันที่ 22 กรกฎาคม ว่าตามกำหนดการเวลา 09.00 น. นางฮิลลารีจะให้สัมภาษณ์นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้ดำเนินรายการ ชีพจรโลก ทางช่อง 9 ที่วังพญาไท พร้อมทั้งเชิญนักสิทธิมนุษยชนหญิง 4 คน เข้าร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ได้แก่ นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีต ส.ว.เชียงราย นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) และผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต พญ.ซินเทีย หม่อง แพทย์ผู้ลี้ภัยชาวพม่า เจ้าของรางวัลแม็กไซไซ และเจ้าหน้าที่หญิงของสหประชาชาติประจำประเทศไทย

พญ.ซินเธียล่าวว่า จะขอให้นางฮิลลารี ช่วยให้ประเทศพม่าเป็นประชาธิปไตย ช่วยให้กระบวนการยุติธรรมในพม่ามีความเป็นมาตรฐาน เชื่อถือได้ และช่วยแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ยังคงมีอยู่ในพม่า

ประวิตรปัดจับคนป่วนประชุมอาเซียน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธข่าวการจับกุมคนร้าย 4 คน ที่ต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุป่วนการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอาเซียน ว่ายืนยันว่า ยังไม่มีการพบกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรืออาวุธ ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ สื่อคิดเอาเองหรือไม่

ยืนยันว่า ไม่มี และที่ปฏิเสธว่า ไม่พบ ไม่ใช่เพราะเกรงว่า คนจะตื่นกลัว แต่ยืนยันว่า ไม่มีข่าวนี้ รมว.กลาโหม กล่าว

ขณะที่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะมนตรีประชาคมการเมือง-ความมั่นคงอาเซียน ครั้งที่ 2 ถึงการจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ว่ามีการชี้แจงสั้นๆ ในที่ประชุมว่ามีการเข้าใจผิดกัน เรื่องดังกล่าวไม่มีสาระใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความพยายามของฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจที่จะตรวจสอบให้เกิดความแน่ใจและเกิดความมั่นใจว่า การประชุมครั้งนี้จะไม่ได้รับการรบกวนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่บางคนอาจจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นที่สุด เห็นอะไรก็สงสัยเอาไว้ก่อนและทราบว่าได้มีการประเมินสถานการณ์และทำความเข้าใจกันแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิด เรื่องมันก็จบเพียงแค่นั้น

เผย5มุสลิมถูกซักประวัติ

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้ควบคุมตัวชายมุสลิม 5 คน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1.นายไซฟูดิน อาตาบู อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 6 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มีหมายจับในคดีความมั่นคงของศาลจังหวัดนราธิวาส 2.นายมะหะมัด อิสมาน อายุ 33 ปี 3.นายนายมูนีบูรามัน เจ๊ะแนะ อายุ 28 ปี 4.นายแวอูเซ็ง วานิ อายุ 21 ปี และ 5.นายรุสลัน ลาฮามี อายุ 25 ปี

นายรุสลัน ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และทำงานในรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.เกาะยาว ให้การว่า เพื่อนทั้ง 4 คน ได้เดินทางมาเยี่ยม และปฏิเสธว่าไม่มีแผนในการเดินทางไปยัง จ.ภูเก็ตแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อจึงควบคุมตัวไว้เพื่อสอบประวัติให้ชันเจนก่อน แหล่งข่าวกล่าว

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดตรวจสอบรถยนต์ที่จอดบริเวณลานจอดรถอ่าวปอ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สถานที่จอดรถของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวที่เกาะยาว จ.พังงา พบรถยนต์ต้องสงสัยมีสารตั้งต้นวัตถุระเบิด 2 คัน คือรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ หมายเลขทะเบียน ป้ายแดง กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดรถไว้ตรวจสอบ แต่ยังไม่มีการตรวจค้นรถและยังไม่มีเจ้าของมาแสดงตน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook