ศาลตัดสินประหารชีวิตเสธ.น็อตกับพวก สังหารโหด2นายตำรวจ ขณะบุกจับกุมค้ายาเสพติด
คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2550 สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2550 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. และ 11 ม.ม. ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ และยิง ด.ต.มาโนช ศรีละคร กับ ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 จนถึงแก่ความตาย ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปจับกุมจำเลยทั้งสามภายในห้องเลขที่ 305 เดอะ ลิฟวิ่งรูม อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 5073/8 แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บและเสพยาเสพติด และจำเลยยังได้ยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของ ร.ต.ท.สาริษฐ์ อักษร รอง สว.กก.สส.บก.น.1 จน ร.ต.ท.สาริษฐ์ ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดนมีปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองหรือไม่ โจทก์มี ร.ต.ท.สาริษฐ์ เบิกความยืนยันว่า ขณะเข้าจับกุมเห็นจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ เมื่อจับกุมได้ค้นตัวพบอาวุธปืน 2 กระบอก ขนาด 11 ม.ม. และ 9 ม.ม. นอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของภรรยาจำเลยที่ 1 ว่า ก่อนเกิดเหตุ เดินทางมาพร้อมกับ จำเลยที่ 1 ที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าว และไปร่วมรับประทานอาหารในห้องพักซึ่งมีจำเลยที่ 2 และ 3 นั่งรออยู่ ที่จำเลยที่ 2 และ 3 ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับจำเลยที่ 1 นั้น ขัดแย้งกับพยานโจทก์ เชื่อว่าจำเลยที่ 1 - 3อยู่ร่วมกันภายในห้องพัก เชื่อว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานและต่อสู้ขัดขวางการจับกุมหรือไม่ โจทก์มี ร.ต.ท.สาริษฐ์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ที่ร่วมจับกุมเบิกความในทำนองเดียวกันว่า ขณะจับกุม จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่า ขณะเกิดเหตุได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นนอกห้อง จึงเปิดประตูออกมาดูนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยของคนทั่วไป ที่ได้สินเสียงปืนแล้ววิ่งออกไปดูซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ พยานหลักฐานโจทก์ ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 หลบหนีจากที่เกิดเหตุไปถูกจับกุมที่บริเวณลานจอดรถ แต่ผลการตรวจไม่พบคราบเขม่าดินและไม่มีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์ขณะยิง จึงยกประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 2 ขณะที่จำเลยที่ 3 แม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าจำเลยที่ 3 ยิงปืนต่อสู้ แต่พบคราบเขม่าดินปืนจำนวนมากที่มือของจำเลยที่ 3 เชื่อว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่า พยายามฆ่า และต่อสู้ขัดขวางเกี่ยวข้องตามฟ้อง
พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครอง จำคุกคนละ 4 ปี ความผิดฐานมีอาวุธสงครามในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 4 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 1 และ 3 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานและต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ลงโทษฐานฆ่าเจ้าพนักงาน อันเป็นบทหนักสุดลงโทษประหารชีวิต ฐานร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 ตลอดชีวิต และให้ลงโทษประหารชีวิตอันเป็นบทหนักสุดไว้สถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษเป็นเวลา 10 ปี และให้นับโทษของจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีหมายเลขดำที่ อย.2154/2550 กับให้จำเลยที่ 1 และ 3 ร่วมกันชดใช้เงินให้แก่ นางสุดใจ อาจหนองหว้า มารดา ส.ต.ท.ไสว จำนวน 1,180,000 บาท และนางลัดดา ศรีละคร ภรรยาของ ด.ต.มาโนช จำนวน 2,440,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี