ฉันรักประเทศไทย (I Love Thailand)

ฉันรักประเทศไทย (I Love Thailand)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จากสถานการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทย การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แตกแยกทางความคิดเห็นจากประเด็นทางการเมือง ประกอบกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบในมุมกว้างต่อเศรษฐกิจ การลงทุนของประเทศไทย สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบโดยตรงทั้งต่อคนไทยและประเทศ โดยเฉพาะด้านภาพลักษณ์ของไทย ที่มีผลกระทบทั้งปัญหาการท่องเที่ยวและการลงทุนที่ชะลอตัวลงจากภาวะความกลัวของชาวต่างชาติ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือปัญหาสำคัญของประเทศไทย... เพราะไม่แม้แต่ชาวต่างชาติที่เกิดความไม่มั่นใจต่อไทย แต่คนไทยเองก็ยังคงกังวลถึงความเป็นไทยที่เคยเป็น "สยามเมืองยิ้ม กำลังจะหมดไปจริงๆ แล้วหรือไม่?? โครงการ "ฉันรักประเทศไทย - I Love Thailand โดยคณะรัฐมนตรี และความร่วมมือของสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความรักและความสามัคคีของคนในชาติ ด้วยการกระตุ้นและตอกย้ำจิตสำนึกรักชาติให้เกิดขึ้นแก่คนไทยทุกคน เน้นการรวมตัวกันของประชาชนในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสื่อมวลชนผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีงามในการแสดงความรักต่อประเทศไทยอย่างไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งจากการกระตุ้นผ่านภาคประชาชนเพื่อส่งผลสะท้อนออกไปสู่สายตานานาประเทศในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนในระยะยาวต่อไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกิจกรรมของโครงการฉันรักประเทศไทยว่า จะมีการรณรงค์ คือ ดึงการมีส่วนร่วมของปภาคส่วน ทั้ง เด็กนักเรียน ที่ช่วยได้โดยการตั้งใจเรียน ไม่ทะเลาะกัน ด้าน เกษตรกร ก็สามารถช่วยในการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิต รวมทั้ง คนไทยในต่างประเทศ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ที่สัมผัสกับชาวต่างชาติโดยตรงนอกจากนี้บทบาทของ สื่อมวลชนและนักแสดง มีส่วนสำคัญที่จะสะท้อนความรู้สึกของคนในชาติ เพื่อช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ทีดีของประเทศให้ต่างชาติได้เห็น ซึ่งจะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือน กรกฎาคม สิงหาคม นี้ ทั้งนี้ กิจกรรมในโครงการ "ฉันรักประเทศไทย I Love Thailand แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ในการดำเนินงาน คือ 1) ระยะกระตุ้นให้ประชาชนในระดับ "บุคคล แสดงออกถึงความรู้สึก "รักชาติ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น สื่ออิเล็กทรอนิกส์และ Mass Media ทุกรูปแบบที่เข้าถึงบุคคล ตลอดจนสื่อประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ทุกรูปแบบ เช่น รถคาราวาน ป้ายประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ 2) การกระตุ้นให้ประชาชนจากกลุ่มเล็กๆ ระดับ Social Community จนไปถึงการสร้างพันธกิจร่วมกันในภาคส่วนใหญ่ๆ เช่น ชุมชนหรือจังหวัด และรวมความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ให้เป็นภาพใหญ่ภาพเดียว และ 3) สะท้อนออกมาเป็นความร่วมมือร่วมใจในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่มีภูลำเนาที่อยู่อาศัย ณ แห่งหนตำบลใดๆ โดยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา โครงการฉันรักประเทศไทย ได้มีการทำกิจกรรมอย่างการหาทุนเพื่อช่วยเหลือและสานฝันสร้างโรงเรียนให้น้องๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการประมูลและจำหน่ายเสื้อเหลืองผ้าไหมตราสัญลักษณ์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และของที่ระลึกจากเหลลปิน ดารา นางแบบ โดยจะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ภายใต้โครงการในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับโครงการ "ฉันรักประเทศไทย I Love Thailand ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสามัคคีภายในชาติ และเพื่อส่งผลสะท้อนออกไปสู่สายตานานาประเทศ ในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนในระยะยาว ตลอดจนร่วมกระตุ้นและตอกย้ำจิตสำนึก "รักชาติ ให้เกิดขึ้นแก่คนไทยทุกคนในทุกภาคส่วน การจัดทำโครงการดังกล่าวได้มีการดำเนินงานในหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบของ Hi5 เมืองไทย โดยประชาชนที่สนใจสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงนี้ได้ทางเว็บไซต์ www.ilovethailand.org อาจกล่าวได้ว่า คนไทยและประเทศไทย ต่างเผชิญกับเรื่องราวของปัญหาและความบอบช้ำมาหลายประการ... การร่วมสร้างจิตสำนึกที่ดีงาม และความรักความสามัคคีแก่คนในชาติจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คนไทยทุกคนควรต้องร่วมมือกันไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เพื่อให้ประเทศไทยมีความแข็งแรง และเป็นที่ชื่นชมในสายตาของชาวต่างชาติ สมดังสมญานามที่ไทยเคยได้รับจากมุมมองของชาวต่างชาติว่าเป็น "สยามเมืองยิ้ม เหมือนดังวันวานที่ผ่านมา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook