พล.ต.ท.วุฒิเปิดใจขึ้นเวทีพธม.หวังแจงแต่ตื่นเต้นจนสื่อสารไม่รู้เรื่อง รับทบทวนหน้าที่แต่ไม่ถอนตัว
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่พูดคือ ทำตามหน้าที่ เข้ามาสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อส่งคำโต้แย้งก็จะนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งอยากให้เห็นความยุติธรรม สร้างความเข้าใจเพื่อการยอมรับ และสุดท้ายอยากเห็นความถูกต้อง ไม่ได้อยากขึ้นไปบนเวที ไม่อยากลงเล่นการเมือง ทั้งนี้ เหลืออายุราชการอีก 26 เดือนจะเกษียณยังไม่รู้จะไปถึงได้แค่ไหน เอาแค่ทำหน้าที่ 26 เดือนหรืออาจไม่ถึง หรือไม่มีโอกาสได้ทำ ให้พ้นไปก่อนก็พอแล้ว ส่วนการขึ้นเวทีที่มีการแสดงความไม่พอใจจากหลายฝ่ายกระทบต่อการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นหรือไม่นั้น ไม่ใช่คนตัดสิน เพราะเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา แต่ผลจากการขึ้นเวทีครั้งนี้ตระหนักว่าจะไม่ทำอีกแล้ว และต้องทบทวนการทำหน้าที่พนักงานสอบสวน แต่ไม่ได้ขอถอนตัว
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า การพูดคำว่าผู้ก่อการดี ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณหรือให้ดีความที่ส่งผลต่อคดีใดๆทั้งนั้น คำว่าผู้ก่อการดีนั้น โดยส่วนตัวชื่นชมคนที่เรียกร้องทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน เนื่องจากคนในครอบครัวเคยมีประวัติศาสตร์ทางการเมืองเช่นนี้ จึงว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ก่อการดี มีความรู้สึกอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้จักทั้ง 36 คนที่ถูกออกหมายเรียกเป็นการส่วนตัว ยืนยันว่าทำงานยึดหลักระเบียบกฎหมาย เมื่อสอบสวนแล้วมีพยานหลักฐานตามสมควร คณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นอย่างไรตนก็ทำไปตามนั้น แยกแยะหน้าที่กับความรู้สึกส่วนตัว โดยให้มองที่การทำคดีนี้ ที่ยึดตามกฎหมายและความเห็นส่วนรวม
สำหรับกรณีนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความกังวลว่า ต้องกราบขออภัยด้วยที่ตนเป็นข้าราชการ แต่มาทำให้ท่านต้องเป็นกังวล ขอเรียนอีกครั้งว่า โชคดีเพราะตั้งแต่รับมอบหน้าที่เมื่อเดือนเมษายน จนถึงขณะนี้ ไม่มีผู้บังคับบัญชาคนใดมากดดัน ไม่ว่าจะ ผบ.ตร.หรือเหนือขึ้นไป ตนและคณะพนักงานสอบสวนทำงานด้วยความอิสระ และเมื่อพูดจบแล้วเฉพาะสำนวนคดีนี้ ก็ได้พิจารณาตัวเอง 1 คืนแล้ว
ผมอาจไม่สามารถสื่อให้คนทำความเข้าใจรวมกันได้ คือพูดแล้วอาจทำให้ไม่เข้าใจ จึงคิดว่าจะตั้งโฆษกของทีมงานการสอบสวนเรื่องให้ทำแทน เพราะตระหนักแล้วว่าควรยุติ ไม่ทำอีกแล้ว ให้คนอื่นทำหน้าที่สื่อสารแทน แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครต้องพิจารณาก่อน พล.ต.ท.วุฒิ กล่าว