"กอล์ฟ ณัฐวุฒิ" โต้ไม่ได้มโน ย้ำเป็นลูกหลานตัวจริงชุดนักเรียนตราสมอ

ศึกสายเลือดชุดนักเรียนตราสมอ "กอล์ฟ ณัฐวุฒิ" นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ โต้ไม่ได้มโน ย้ำเป็นลูกหลานผู้ก่อตั้งตัวจริง

กรณีแฟนเพจธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอออกมาโพสต์ ชี้แจงว่า นายณัฐวุฒิ กริตยอานนนท์ หรือ กอล์ฟ ไม่ได้เป็นทายาทเจ้าของธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ ตามที่แอบอ้าง ใช้ชื่อเสียงของทางบริษัทเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ขอให้นายณัฐวุฒิหยุดพฤติกรรมที่ทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับนายณัฐวุฒิ

• ชุดนักเรียนตราสมอ ปัดสัมพันธ์ กอล์ฟ ณัฐวุฒิ นักพูดหนุ่ม ลั่นไม่ใช่ทายาทธุรกิจ

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน พราวฟ้า (ทาวน์ อิน ทาวน์) นายณัฐวุฒิ กริตยอานนท์ หรือ กอล์ฟ อายุ 38 ปี นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมด้วยทนายความ นางสาววรวรรณ แสงกระจ่าง ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างเป็นทายาทชุดนักเรียนตราสมอ ทั้งที่เป็นลูกหลานตัวจริง

ชี้แจงยืนยันอากงเป็นผู้ก่อตั้ง

"ตอนเด็กๆ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าท่านคือลูกสาวสมอทอง ผมเองรับรู้และเข้าใจมาโดยตลอดว่าธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ อากง (คุณสงวน ศิริปทุมมาศ พ่อของแม่ มีศักดิ์เป็นคุณตา) เป็นผู้ก่อตั้ง และพอมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผมยังมีไปถามแม่เพื่อความมั่นใจอีกรอบ ท่านก็ตอบว่าอากงเป็นผู้ก่อตั้ง

และถ้าให้นับวงศาคณาญาติ คือ อากง(พ่อของแม่) มีลูก 8 คน มีลูกสาว 2 คน (เป็นพี่สาวคนโต และน้องสาวคนสุดท้องคือแม่ของผม) และอีก 6 คนเป็นผู้ชาย โดยบริษัท สมอทองการ์เมนท์ จำกัด ก่อตั้งโดยอากง และลูกชายอากง ทั้ง 6 คน ที่นี้ผมมานั่งดูข้อความที่สื่อสารกัน เขาว่าผมแอบอ้าง ตรงที่ว่า อากงไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ที่ก่อตั้งคือ อากู๋ (พี่ชายคนโตของแม่ มีศักดิ์เป็นลุง) ต่างหากที่เป็นผู้ก่อตั้ง เพราะฉะนั้นคุณเป็นเครือญาติก็จริง แต่ไม่ใช่ทายาท เพราะคุณไม่ใช่สายเลือดของคุณกิตติที่เป็นอากู๋"

ย้ำชัดไม่ได้แอบอ้างทายาทแค่แนะนำตัวเป็นใคร

"ย้อนกลับไปเป็นช่วงเวลาที่เขามีหลักฐานจะแจ้งผม โนติสว่าผมแอบอ้างตราสมอ ตั้งแต่ปี 2559 ตอนนั้นผมไปทำการตลาดให้แบรนด์อื่น แล้วเวลาที่ผมออนสเตจหรือเป็นเทรนนิ่งสอน โดยเฉพาะคลาสแรก เราจำเป็นต้องแนะนำตัว ซึ่งเป็นการแนะนำตัวสั้นๆว่าเราเป็นใคร จบจากไหน พ่อแม่ อากง อาม่าทำอะไร พูดจบใน 2 -3นาที แต่เวลาออนสเตจเวทีใหญ่ๆ บางทีก็อาจจะมีคลิป โพสต์ลงยูทูป ทีนี้คนก็ไปตีความเขียนว่าทายาทตราสมอ ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราว ในความเข้าใจผม ข้อมูลนั้นก็ไม่ได้ผิด แต่ในข้อมูลทางเขา ผมไม่รู้ และไม่ได้แก้อะไร จนกระทั่งเขามีโนติสมาเตือนผม แต่ผมดันไม่ได้โนติสอันนี้ เพิ่งจะเห็นในเพจเขานี่แหละว่ามีโนติสตั้งแต่ปี 2559 และไม่ได้โทรมาด้วย"

ที่ผ่านมาเคลียร์ปัญหาเครือญาติด้วยดี

“จนปี 2561 ไฟไหม้บ้าน ไหม้รถปอร์เช่ สื่อก็เอาไปลงว่ารถปอร์เช่ตระกูลตราสมอไฟไหม้ ผมงงมาก นักข่าวรู้ได้อย่างไร ทั้งที่ยังไม่ได้สัมภาษณ์ผมเลย เหตุเกิดตอน 7 โมงเช้า ไม่เกิน 9 โมง ข่าวออก และช่วงบ่ายจึงมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ผมเล่าแค่เหตุการณ์ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ถัดจากนั้นไม่นาน เขาให้ทนายโทรมาคุยกับผมว่าทำไมให้ข่าวกับสื่อแบบนั้น เลยชี้แจงไปว่า ผมไม่เคยพูดกับสื่อเรื่องตราสมอเลย แต่เพื่อความสบายใจ เดี๋ยวผมจะถูกเชิญไปออกรายการเล่นใหญ่จัดใหญ่ พิธีกรเป็นพี่บุ๋ม ปนัดดา เดี๋ยวผมจะชี้แจงว่าผมไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ทนายก็โอเควางสายไป”

"ผ่านมา 2 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีเรื่องอะไรเลย เพราะผมเองก็ไม่ได้ใช้แบรนดิ้งอะไรที่เกี่ยวกับตราสมอในการทำการตลาด ที่ผ่านมาผมอยู่ในทีมการตลาดของคนอื่น จนกระทั่ง 3 เดือนที่ผ่านมาผมมาทำการตลาดในแบรนด์ดิ้งตัวเองเลยต้องมีการโปรโมต และทำการตลาด ซึ่งผมมีทีมหลายสิบคน ต่างคนก็ต่างทำการตลาด มีบางคอนเท้นที่หยิบเอาคำว่าทายาทตราสมอไปใช้ จึงเกิดประเด็นนี้ขึ้นมา ผมมองว่าถ้าเขาแจ้งผมว่า หลานอย่าใช้คำนี้เลย  ผมก็เข้าใจได้ แต่ไม่มีการติดต่อมา มารู้อีกทีคือเกิดเรื่องราวตามสื่อ"

"หากเป็นไปได้อยากให้เรื่องนี้เงียบไปเพราะส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเป็นเครือญาติกัน ที่ผ่านมาอาจไม่มีโอกาสได้คุยกัน มองว่าไม่ใช่ศึกสายเลือดแต่มองว่าอาจเป็นความเข้าใจผิด ยืนยันว่า ไม่ได้เคยทำธุรกิจแข่งกับตราสมอ แต่สิ่งที่ผ่านมาการแนะนำตัว ว่าเป็นใคร พ่อแม่ทำอะไร เป็นการแนะนำตัวสั้น ๆ ไม่เคยคิดว่าจะทำธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอไปหาผลประโยชน์ ที่ผ่านมาได้ทยอยลบคำที่กล่าวถึงตราสมอไปแล้ว ยืนยันว่าไม่คิดจะฟ้องร้องกลับยังมองเป็นเครือญาติเป็นครอบครัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ยังเคารพอยู่แล้ว อีกทั้งแบรนด์ตราสมอเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เป็นความภูมิใจของวงศ์ตระกูล ไม่อยากให้มีเรื่องเสื่อมเสี่ยชื่อเสียง"

ขณะที่ ทนายความ บอกว่า ในฐานะทนายความ หลังการตรวจสอบเอกส่รการจัดตั้งบริษัทต่างๆ ทราบว่าสมอทองจัดตั้งบริษัทสำเร็จ 25กพ.2526 กรรมการชุดแรกมีตานายณัฐวุฒิ มีชื่ออยู่ด้วย และถือหุ้นมากที่สุด และลูกชายอีก 6 คน ถือหุ้นเท่ากัน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ในทางกฎหมายคำที่นายณัฐวุฒิ แนะนำตัวเองว่า เป็นทายาทของผู้ก่อตั้งธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ จึงไม่เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงใดใด

นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย “ทุกครั้งที่ผมไปออกรายการ หรือ ออนเสตจ ผมจะพูดประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ว่าอากงเป็นผู้ก่อตั้ง ตอนนี้เป็นของลูกชายคนโตดูแล คุณแม่ผมแต่งงานออกไปทำธุรกิจส่วนตัว แบบนี้หมด เพราะทุกอย่างคือเรื่องจริงครับ”