พนักงานห้างฯ เล่านาทีหนีตายจ่าคลั่งกราดยิง สิ่งแรกที่ทำคือโทรบอกลูก "อย่ามาที่นี่"

พนักงานห้างฯ เล่านาทีหนีตายจ่าคลั่งกราดยิง สิ่งแรกที่ทำคือโทรบอกลูก "อย่ามาที่นี่"

พนักงานห้างฯ เล่านาทีหนีตายจ่าคลั่งกราดยิง สิ่งแรกที่ทำคือโทรบอกลูก "อย่ามาที่นี่"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(12 ก.พ.63) นายโอชา มุสิกสาร อายุ 41 ปี พนักงานขายของร้านนาฬิกาที่อยู่ในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์จ่าทหารกราดยิงยิงประชาชนเมื่อวันที่ 8 และ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  ว่า เป็นช่วงที่เวลาที่ตนกำลังทำงานอยู่ที่ร้านซึ่งอยู่ ชั้น 2 ของศูนย์การค้าฯ  แล้วได้ยินเสียงดังปังปังคล้ายเสียงปืน จึงมองลงที่บริเวณชั้น 1 บริเวณหน้าศูนย์การค้าฯ ก็เห็น รปภ.ประมาณ 5 คนเข้าไปเปิดประตู รถเอสยูวีสีขาวคันหนึ่งที่จอดอยู่ และมีคนถูกยิงนั่งจมกองเลือดอยู่ภายในรถ 

ตนและเพื่อนพนักงานขายก็เริ่มตื่นตระหนก พยายามมองหาที่มาของเสียงปืนว่ายิงมาจากทิศทางใดแต่มองไม่เห็น จึงเดินถ่ายวิดีโอจากกล้องโทรศัพท์มือถือจากมุมชั้น 2 ของศูนย์การค้าฯ ซึ่งเห็น รปภ.ของห้างหลายคนก้มหลบวิถีกระสุนปืน และเห็นคนถูกยิงล้มข้างรถจักรยานยนต์ที่ถนนทางเข้าศูนย์การค้าฯ ด้วย จึงคุยกับเพื่อนพนักงานว่า มีเหตุยิงกัน มีคนถูกยิงหลายราย  แต่บางคนคิดว่าเป็นการซ้อมแผน ซึ่งตนบอกว่าไม่น่าจะใช่ จากนั้นก็รีบโทร.บอกลูกและครอบครัว อย่าให้ผ่านมาแถวศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 เพราะกลัวจะโดนลูกหลง

จากนั้น ตนก็สังเกตเห็นว่า ภายในศูนย์การค้าฯ คนเริ่มแตกตื่น วิ่งหนีตายกัน  ตนจึงตัดสินใจจะวิ่งไปที่ลานจอดรถด้านหลัง เพื่อออกไปจากตัวศูนย์การค้าฯ ให้ได้  แต่ก็ได้ยินเสียงคนร้ายยิงถังแก๊สระเบิด ตนจึงย้อนกลับวิ่งไปหลบซ่อนที่ชั้น 4 ร้านของเล่น หลบซ่อนอยู่ด้านหลังของร้านกับพนักงานร้านอีก 3 คน จนมี รปภ. มาเคาะเรียกประมาณ 22.00 น. เพื่อช่วยพาออกไปนอกศูนย์การค้าฯ ทางลานจอดรถโซน B  แล้ววิ่งหนีตายออกไปซอยตรอกจันทร์  ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ ขณะหลบซ่อนพยายามคิดตลอดเวลาว่า จะทำอย่างไรให้สามารถรอดพ้นวิถีกระสุน อธิษฐานนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์  หลวงพ่อคูณ คุณย่าโม สวดมนต์ภาวนาขอให้รอดชีวิตกลับไป และพยายามสื่อสารบอกทางบ้านว่า อย่ามาใกล้จุดที่มีการกราดยิง

หลังเกิดเหตุการณ์ ตนยังรู้สึกสลดใจ นอนไม่หลับ ยังจำภาพฝังอยู่ในสมอง แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อ เป็นกำลังใจให้พนักงานทุกคน และผู้สูญเสียทุกคน เพราะบางคนเราก็รู้จัก ทำงานอยู่ในศูนย์การค้าฯ แห่งนี้เหมือนกันตั้งแต่เปิดให้บริการ ซึ่งคิดว่าคงจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก ส่วนกรณีที่ทางศูนย์การค้าฯ จะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ตนมองว่าแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นไม่นาน แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ฟื้นฟูสภาพจิตใจพนักงานทุกคนจะได้มีกำลังใจ อีกทั้งเรียกความเชื่อมั่นจากลูกค้ากลับคืนมาด้วย เพราะถ้ายิ่งเปิดช้า ความเชื่อถือเชื่อมั่นของประชาชนก็จะยิ่งลดน้อยลง จึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ฝ่าย

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook