ออร์เดอร์สินค้ารอจ่อประตูบ้าน

ออร์เดอร์สินค้ารอจ่อประตูบ้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาสินเชื่อ สภาพคล่องและอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นปัญหาอุปสรรคสำคัญของการส่งออกให้กับภาคเอกชน โดยให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังรับเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวแทนจากธนาคารของรัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขให้เป็นรูป หธรรมที่ชัดเจนต่อไป เพราะขณะนี้มีสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น แทนการสั่งซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียด นาม แม้ว่ามีจำนวนไม่มากแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นออร์เดอร์ที่เข้ามาในปลายไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาส 4 หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะทำให้เสียโอกาสอย่างมาก โดยเฉพาะโอกาสของการส่งออกสินค้าที่ถือเป็นรายได้หลักของประเทศ

ที่ผ่านมามีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามามาก ในรูปแบบของใบสั่งซื้อหรือใบพีโอ แต่ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันหรือแอลซี จากธนาคาร ทำให้ผู้ส่งออกไม่กล้าผลิตสินค้าเพราะเกรงว่าอาจไม่ได้รับชำระค่าสินค้า ขณะที่ลูกค้าก็พยายามขอต่อรองระยะเวลาการชำระเงินออกไป 1-3 เดือน จากเดิมที่ชำระค่าสินค้าทันที รวมถึงธนาคารพาณิชย์และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือเอ็กซิมแบงก์ ไม่รับประกันความเสี่ยงจากใบพีโอ จึงทำให้เกิดปัญหาอย่างมาก

นอกจากนี้ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในสภาพที่แข่งขันกับต่างชาติได้ โดยพบว่าปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าเพื่อนบ้านถึง 2% ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่สำคัญ ซึ่งขอยืนยันว่าเอกชนไม่ต้องการให้มีการดูแลค่าเงินบาทโดยให้มีอัตราคงที่ แต่ต้องการให้ดูแลโดยไม่ให้แข็งค่ากว่าประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น

ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนกำลังมีปัญหาเรื่องคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ แต่ไม่มีแอลซี ซึ่งต้องการให้เอ็กซิมแบงก์ เข้ามาช่วยเหลือทั้งเรื่องของการขยายวงเงิน และการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเอกชนที่จะรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 แห่ง กลับไปจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องให้พร้อม เพื่อนำไปชี้แจงต่อศาลปกครองกลางกรณีที่มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อบังคับให้รัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอนตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญ ปี 50 ในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งภาคเอกชนเป็นห่วงในเรื่องนี้อย่างยิ่ง เพราะมีการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดมากกว่า 4 แสนล้านบาท จากกว่า 50 ผู้ประกอบการ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมน ตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการส่งออกตามที่ภาคเอกชนเสนอ ทั้งความเป็นห่วงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังแข็งค่ากว่าเพื่อนบ้านและปัญหาสภาพคล่อง.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook