พท.เล็งร้องป.ป.ช.-ดีเอสไออ้างชุมชนพอเพียงส่อทุจริต แฉทั้งหักหัวคิว-ถูกบีบให้เลือกสินค้าไม่ต้องการ

พท.เล็งร้องป.ป.ช.-ดีเอสไออ้างชุมชนพอเพียงส่อทุจริต แฉทั้งหักหัวคิว-ถูกบีบให้เลือกสินค้าไม่ต้องการ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เพื่อไทยเอาคืน อ้างพบโครงการชุมชนพอเพียงกทม.ส่อทุจริตเพียบ บางแห่งถูกหักหัวคิวผ่านบัญชี1แสน เตรียมร้องนายกฯ ก่อนยื่นป.ป.ช.-ดีเอสไอสอบ ปธ.ชุมชนวัดกลางแฉถูกบีบให้เลือกสินค้าไม่ต้องการ หวั่นถูกโยกงบฯไปที่อื่น พบพิรุธแค็ตตาล็อกทุกบริษัทเบอร์โทรศัพท์เดียวกัน คณะกรรมการประสานงานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. ลงพื้นที่ชุมชนวัดกลาง เขตบางกะปิ พบปะผู้นำชุมชนจำนวน 9 ชุมชนในเขตบางกะปิ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 กรกฎาคม เพื่อตรวจสอบโครงการจัดซื้อตู้หยอดน้ำและแผงโซลาร์เซลล์ ตามแผนงานโครงการชุมชนพอเพียงที่ส่อไปในทางไม่ชอบมาพากล

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ปัญหาการใช้งบประมาณโครงการชุมชนพอเพียงที่ส่อไปในทางทุจริตนั้น จากการสอบถามผู้นำชุมชนยืนยันว่าได้รับการติดต่อจากตัวแทนบริษัทขายสินค้า และนักการเมืองบางพรรค อ้างว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการให้เปล่า โดยบีบบังคับให้ชุมชนต้องเลือกสินค้าราคาแพงเกินจริงตามที่ล็อคสเปคมา ซึ่งสินค้าเหล่านั้นไม่ตรงกับความต้องการของชุมชนนั้นแม้แต่น้อย นอกจากนี้ ยังไม่มีการจัดเวทีประชาคมตามระเบียบที่กำหนดไว้ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่รัฐถึงยอมรับรองโครงการเหล่านี้ได้

มีชุมชนที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ถึง 24 ชุมชน โดยมีการนัดเปิดบัญชีที่ธนาคารออมสิน สาขารามคำแหง 21 ชุมชน ซึ่งมีข้อพิรุธอย่างมากคือ ทันทีเปิดบัญชีและปรากฏยอดเงินโอนเข้านั้น เจ้าหน้าที่โครงการได้ให้ตัวแทนชุมชนถอนเงินออกมาภายในวันเดียวกันนั้นเอง นอกจากนี้ ชุมชนสามัคคีพัฒนาได้รับการอนุมัติโครงการจำนวน 6 แสนบาท แต่มียอดเงินโอนเข้าบัญชีของชุมชนเพียง 5 แสนบาท เท่านั้น อยากถามว่าส่วนต่าง 1 แสนบาท หายไปไหน น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรีให้ลงมาตรวจสอบในเรื่องนี้ นอกจากนี้ เตรียมไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบในวันที่ 17 และ 20 กรกฎาคม ตามลำดับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายรัฐบาลเองออกมาตอบโต้ว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้านก็มีส่วนรู้เห็นกับความไม่ชอบมาพากลจากโครงการชุมชนพอเพียงในพื้นที่ภาคอีสานเช่นกัน น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า วันนี้จะเห็นได้ถึงความบริสุทธิ์ใจของพรรคฝ่ายค้านที่พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน หากพบว่ามีความผิดจริงตนก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบเช่นเดียวกันเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.อ.อนุดิษฐ์นำสื่อมวลชนตรวจสอบตู้หยอดน้ำ และแผงโซลาร์เซลล์ ของชุมชนวัดกลาง ที่จัดหาจากโครงการชุมชนพอเพียง โดยพบว่าตู้หยอดน้ำดังกล่าวมีลักษณะเช่นเดียวกับตู้หยอดน้ำทั่วไป แต่มีการเชื่อมต่อกับวงจรไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ ซึ่งตู้น้ำดังกล่าวชุมชนวัดกลางได้รับมอบในเดือนพฤษภาคม ก่อนที่จะส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง พท.ในเดือนมิถุนายน

ขณะที่นายอารักษ์ ยงจิรกุลพงศ์ ประธานชุมชนวัดกลาง กล่าวว่า มีตัวแทนจากเจ้าหน้าที่โครงการติดต่อมา ว่ามีโครงการที่มาจากงบฯเลือกตั้งซึ่งถือเป็นการให้เปล่า แต่ละชุมชนสามารถเลือกตามความต้องการ ชุมชนผมต้องการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการก่ออาชญากรรม และยาเสพติด แต่เจ้าหน้าที่โครงการบอกว่าถ้าผมไม่เลือกโครงการใดโครงการหนึ่งตามที่กำหนดไว้ก็จะนำงบฯชุมชนวัดกลางที่ได้ไปมอบให้ชุมชนอื่นแทน ผมจึงต้องเลือกโครงการตู้หยอดน้ำและแผงโซลาร์เซลล์แทน ทั้งที่ชุมชนตั้งตู้หยอดน้ำเพื่อบริหารคนในชุมชนเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว นายอารักษ์กล่าว

นายอารักษ์กล่าวว่า หลังจากที่ตัดสินใจเลือกโครงการตู้หยอดน้ำและแผงโซลาร์เซลล์ เจ้าหน้าที่โครงการได้กำชับให้รีบรวบรวมรายชื่อคนในชุมชนให้ครบตามจำนวนที่กำหนดภายในวันต่อมาทันที จึงแปลกใจว่าเหตุใดต้องเร่งรีบถึงเพียงนั้น อย่างไรก็ตาม ในที่สุดบริษัทผู้จำหน่ายสินค้านำสินค้ามามอบให้ โดยระบุว่าตู้หยอดน้ำที่ใช้กระแสไฟจากแผงโซลาร์เซลล์นั้นจะต้องใช้ควบคู่กับไฟบ้านด้วย เนื่องจากพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์มีปริมาณไม่เพียงพอต่อการทำงานของเครื่องหยอดน้ำ

ชุมชนไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว คาดว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่สามารถรองรับไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ได้ แม้แต่พัดลมติดผนังเพียงตัวเดียวยังไม่สามารถทำงานได้เลย ส่วนเครื่องหยอดน้ำนั้นไม่มีคนในชุมชนมาใช้บริการเนื่องจากมีตู้หยอดน้ำจำนวนมาก วันนี้มีเพียงมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ตั้งอยู่หน้าตู้หยอดน้ำเท่านั้นที่มาใช้บริการ นายอารักษ์กล่าว

นายการุณ กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพบรายชื่อนักการเมืองพรรคฝ่ายค้านที่เคยเกี่ยวข้องกับปัญหาการจัดซื้อปุ๋ยปลอมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น หากทราบว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้านคนนั้นเป็นใครก็ให้เปิดเผยเอกสารและข้อเท็จจริงออกมาเพื่อนำคนผิดมาลงโทษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหนังสือเสนอขายสินค้าของบริษัทห้างร้านต่างๆ ให้กับชุมชนนั้น แม้จะรายชื่อบริษัทจะแตกต่างกัน แต่ปรากฏว่าหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อที่เขียนแจ้งไว้ กลับเป็นหมายเลขเดียวกัน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ติดตามอยู่ เพราะในหลายพื้นที่รายงานมา ซึ่งไม่ได้เป็นเจตนาที่รัฐบาลกำหนดลงไป คือ ประเภทที่พยายามเขียนโครงการนำไปใส่มือให้ชุมชนขอมา ไม่ใช่แนวทางที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือใครก็ต้องจัดการ

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส.ส.พท.คนหนึ่งมาร้องเรียนกับตนเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีเอกสารยืนยันได้ว่ามีการทุจริตและล็อคสเปคโครงการชุมชนพอเพียง ซึ่งพบว่ามีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลเกี่ยวข้องด้วย จึงเสนอให้ ส.ส.คนดังกล่าวไปหาบุคคลมาร้องเรียนเรื่องนี้ เพื่อที่ กมธ.ป.ป.ช.จะได้ตรวจสอบต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook