ครม.ไฟเขียวช่วย "แม่วัยรุ่น" หาผู้ปกครองเลี้ยงลูกชั่วคราว หากไม่พร้อม

ครม.ไฟเขียวช่วย "แม่วัยรุ่น" หาผู้ปกครองเลี้ยงลูกชั่วคราว หากไม่พร้อม

ครม.ไฟเขียวช่วย "แม่วัยรุ่น" หาผู้ปกครองเลี้ยงลูกชั่วคราว หากไม่พร้อม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครม.ผ่านกฎกระทรวงฯ ช่วยเหลือ "แม่วัยรุ่น" ทั้งสร้างอาชีพ หาคนพร้อมมาเลี้ยงลูกให้ชั่วคราว จัดหาที่พักที่เหมาะสมให้

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติผ่านร่างกฎกระทรวงเพื่อการจัดสวัสดิการให้กับแม่วัยรุ่น ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันในสังคมไทยตอนนี้มีปัญหาคุณแม่วัยรุ่นสูงมาก โดยในปี 2561 พบวัยรุ่นอายุ 10-19 ปี เฉลี่ยคลอดบุตร 119 คน/วัน และถ้านับเฉพาะกลุ่มอายุ 15-19 ปี พบว่ามีอัตราการคลอดบุตรสะสมที่ 70,000 ราย ปัญหาคือหากแม่วัยรุ่นไม่ได้รับการดูแลที่ดีก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ซ้ำ

ทั้งนี้ จากข้อมูลในปี 2561 พบว่า มีวัยรุ่นอายุ 10-19 ปี มีการตั้งครรภ์ซ้ำถึง 6,543 คน และถึงแม้ว่าจะมีพ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ออกมาตั้งแต่ปี 2559 แต่กลับพบว่า ยังมีแม่วันรุ่นถูกให้ออกจากการศึกษา ทั้งที่กฎหมายคุ้มครองว่าแม้เด็กจะตั้งครรภ์แต่ต้องได้รับการศึกษาต่อ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา ครม.จึงเห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าวออกมา โดยกำหนดสิ่งที่รัฐต้องทำ คือ 1. กำหนดให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวมีการฝึกอาชีพหรือจัดหาที่ฝึกอาชีพให้แม่วัยรุ่นที่ประสงค์จะเข้ารับการฝึกอาชีพตามความสนใจและความถนัด

2. กำหนดให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน หาผู้ประสงค์ที่จะรับเลี้ยงดูบุตรของวัยรุ่นเป็นการชั่วคราว เพื่อทำหน้าที่ครอบครัวทดแทนในกรณีที่แม่วัยรุ่นไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้

และ 3. กำหนดให้มีการบริการให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำแก่วัยรุ่นและครอบครัว จัดหาที่พักที่เหมาะสมและปลอดภัย รวมถึงประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แม่วันรุ่นได้รับการศึกษาที่เหมาะสม

"กฎกระทรวงดังกล่าวยังกำหนดให้มีการทำงานเชิงรุกด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้สภาเด็กและเยาวชนทุกระดับสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนในพื้นที่เพื่อเป็นแกนนำ ป้องกัน แก้ไข และเฝ้าระวังการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และส่งเสริมสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ รวมถึงสวัสดิการทางสังคมต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการจัดสวัสดิการทางสังคมต่อไป เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่และเฝ้าระวัง" น.ส.รัชดา กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook