ตำรวจจ่อตั้งข้อหา ไออุ่น "ฆ่าโดยงดเว้น" ไม่ยอมช่วย ลันลาเบล เจตนาลากร่างไปทิ้ง
ความคืบหน้าคดีที่ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ "ลันลาเบล" พริตตี้สาววัย 25 ปี ถูกพบเป็นศพอยู่ที่คอนโดมิเนียมของ นายรัชเดช หรือ ไออุ่น พริตตี้บอย พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประชุมชุดคลี่คลายคดีเพื่อสรุปแนวทางการทำงาน พบว่าคดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาดในผลการชันสูตรเกี่ยวกับในประเด็นที่สงสัย คาดว่าผลน่าจะออกมาในวันจันทร์นี้ (23 ก.ย.)
ทั้งนี้ หากพบว่าผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาสอดคล้องกับการสาเหตุเสียชีวิตของลันลาเบล ก็จะสามารถอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้อย่างช้า ไม่เกินในวันพุธนี้ (25 ก.ย.) หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนสืบสวนของรูปคดี
>> ตำรวจมุ่งปม "ไออุ่น" ชงเพียว-ชงผสมให้ "ลันลาเบล" ค่าแอลกอฮอล์พุ่งปรี๊ด
ล่าสุด มีรายงานว่าขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีพยายามรวบรวมฎีกาคดีสำคัญๆ ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และขอคำปรึกษากับอาจารย์ด้านกฎหมายแล้วสรุปได้ว่า แนวทางการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยคดีนี้ เบื้องต้นควรจะเป็นข้อหาฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นข้อหาที่มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิตไว้ก่อน
โดยพิจารณาตามคำพิพากษาฎีกาที่ 16412/2555 คดีที่จำเลยได้ขี่รถจยย.พาสาวคนรักซ้อนท้ายไปเกิดอุบัติเหตุ โดยสาวคนรักตกจากรถได้รับอันตรายหมดสติ ขณะเกิดเหตุแทนที่จำเลยจะช่วยเหลือดันหลบหนีไป ทิ้งสาวคนรักสลบอยู่ถึง 8 วัน ไม่แจ้งให้มารดาของแฟนสาวทราบ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นหน้าที่อันเกิดจากการกระทำครั้งก่อนของจำเลยเอง ที่พาสาวคนรักมาเที่ยวแล้วเกิดอุบัติเหตุ
ถือว่า “เกิดหน้าที่ต้องช่วย ต้องดูแลสาวคนรัก ถ้าไม่ช่วยถือเป็นการงดเว้น” ซึ่งคดีนี้ศาลเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยเล็งเห็นผล เพราะการงดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือสาวคนรักอาจทำให้มีอันตรายถึงแก่ความตายได้ เมื่อสาวคนรักไม่ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และ มาตรา 59 วรรคท้าย
ส่วนประเด็นที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ตำรวจมุ่งเป้าไปที่การคลี่คลายปมการเสียชีวิตเป็นสำคัญ โดยจะแยกประเด็นการจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านย่านบางบัวทองออกไปก่อน หากสุดท้ายแนวทางการสืบสวนพบว่า มีความเชื่อมโยงกัน จึงจะประสานตำรวจในพื้นที่ นำพยานหลักฐานมาประกอบการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการสอบปากคำพยานในบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ ซึ่งมีทั้งหมด 8 คน ไม่รวมผู้เสียชีวิตและนายรัชเดช พบว่าทั้งหมดให้การสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน แต่มีลักษณะคล้ายกับได้รับคำแนะนำจากผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายชี้แนะ จึงมองว่ายังไม่เป็นประโยชน์กับคดีเท่าที่ควร ส่วนพยานที่เห็นนายรัชเดช พาลันลาเบลขึ้นลิฟต์ และได้พูดคุยกันนั้น ก็จะเข้ามาให้ปากคำประกอบคดีอีกครั้ง
>> อ่านทุกประเด็นข่าว "ลันลาเบล"
ทางด้านเฟซบุ๊ก Tanawut Wonganan ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาวุฒิ วงศ์อนันต์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้โพสต์ความคิดเห็นเกี่ยวกับ “การฆ่าโดยงดเว้น” ใจความส่วนหนึ่งให้ความรู้ว่า บุคคลจะต้องรับผิดทางอาญาก็ต่อเมื่อกระทำโดยเจตนา เมื่อบุคคลนั้นมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิดแต่งดเว้นการที่จักป้องกันผลนั้นด้วย ตามมาตรา 59 วรรคท้าย หน้าที่ป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิดมีหลายกรณีเช่น 1.หน้าที่โดยผลของกฎหมาย เช่นบิดามารดาต้องเลี้ยงดูบุตร 2.หน้าที่ตามสัญญา เช่นการว่าจ้างบอดี้การ์ดส่วนตัวมาคุ้มครองเรา 3.หน้าที่อันเกิดจากการกระทำครั้งก่อนๆ ของตนเอง เฉกเช่น คำพิพากษาฎีกาที่ 16412/2555 คดีที่ยกตัวอย่างข้างต้น และ 4.หน้าที่เกิดจากความสัมพันธ์พิเศษเฉพาะเรื่อง เช่น ชายหญิงที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย ก็มีหน้าที่ต้องดูแลกัน
ดังนั้นการทำงานของพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ขณะนี้จึงเห็นพ้องกับคำพิพากษาฎีกาที่ 16412/2555 และความคิดเห็นของผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาวุฒิ ในส่วนของเจตนาของผู้ต้องสงสัยคดีลันลาเบล คือ กรณีเจอสาวในผับหรือสถานที่ใด และเกิดความชอบพอกันพากันไปต่อที่สถานที่อื่นใดก็ตาม จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นดังกล่าว ผู้ต้องสงสัยได้อุ้มร่างของพริตตี้ผู้ตาย ออกจากบ้านที่มีการจัดงานปาร์ตี้ มีการพาขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ลากขึ้นลิฟต์เข้าไปในห้องพักที่คอนโดมิเนียมหลายชั่วโมงก่อนจะแบกร่างลงลิฟต์มาไว้บนโซฟาที่ล็อบบี้ เมื่อผู้ต้องสงสัยพามาควรมีหน้าที่ต้องดูแลถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิด แต่กรณีนี้ผู้ต้องสงสัยงดเว้นหน้าที่ของตนเองจนเกิดการเสียชีวิต จึงเห็นควรตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่น ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดเอาไว้ก่อน ก่อนที่จะตรวจสอบพยานหลักฐานชิ้นอื่นๆ เพื่อแจ้งข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมได้ในภายหลัง