ไทยขยับอันดับการแข่งขันด้าน ศก.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้คุยกับทาง ครม.แล้ว เรามองว่าตัวเลขนี้ยังเป็นตัวเลขที่เราไม่ควรจะพึงพอใจ เพราะว่าประเทศไทย คนไทยเป็นประเทศ และเป็นสังคมที่มีศักยภาพสูงกว่าที่จะอยู่ในอันดับในลักษณะนี้ เพราะฉะนั้น ได้มีการจัดการประชุมสัมมนาระดมภาคเอกชน ภาควิชาการ ที่สำคัญคือได้ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ในเรื่องของการกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการจัดอันดับเข้ามาประชุมเป็นเวลา 2 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้คำแนะนำ เอาประสบการณ์จากประเทศต่าง ๆ มาเพื่อเป็นแนวทางในการนำทาง สำหรับทั้งภาครัฐและเอกชนว่า ทำอย่างไรประเทศไทยของเราจะมีขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งในแง่ของความเป็นจริง และเมื่อได้รับการจัดอันดับดีขึ้น ก็จะเป็นการเรียกความเชื่อมั่น และสร้างโอกาสทางด้านการค้า การลงทุน รวมไปถึงการท่องเที่ยวสำหรับประเทศต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมีโอกาสไปเปิดงานและได้ติดตามจากทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เข้าไปร่วมในการสัมมนา ก็ได้ข้อคิดเห็น ได้แนวทางที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และจะนำมาปรับเข้ากับเรื่องของการดำเนินนโยบายของรัฐบาล แต่การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งแผนฉบับที่ 11 นี้ก็มีการเริ่มต้นทำกันในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตนได้เน้นย้ำว่า ในแผนฉบับใหม่นี้ เราจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือเรื่องของภาคการเกษตรในการที่จะต้องเป็นผู้ผลิตอาหาร และพลังงานทดแทนที่สำคัญ โดยจะทำต่อเนื่องจากปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งกำลังมีการลงทุนในเรื่องของแหล่งน้ำ ที่จะทำให้พี่น้องเกษตรกรได้ประโยชน์ สามารถผลิตผลผลิตทางการเกษตรได้เพิ่มขึ้นต่อไร่ และสัปดาห์หน้าตนจะลงพื้นที่ภาคอีสานไปดูในเรื่องของแหล่งน้ำเพื่อที่จะให้การผลักดันไทยเข้มแข็งนั้นเป็นไปตามเป้าหมาย.