บัณฑิตสาวแฉกล "ช่างภาพ" มาแหยมกับเด็กนิติฯ โดนงัดกฎหมายเล่นงาน
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/ns/0/ud/1579/7896123/20badphotographer.jpgบัณฑิตสาวแฉกล "ช่างภาพ" มาแหยมกับเด็กนิติฯ โดนงัดกฎหมายเล่นงาน

    บัณฑิตสาวแฉกล "ช่างภาพ" มาแหยมกับเด็กนิติฯ โดนงัดกฎหมายเล่นงาน

    2019-09-14T13:44:20+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    บัณฑิตสาวจุฬาฯ แฉกลโกง "ช่างภาพรับปริญญา" รับงานซ้อน ส่งมือสมัครเล่นมาแทนโดยไม่บอกกล่าว ซ้ำยังได้งานภาพออกมาผิดสเป็กไม่เหมือนที่คุยกันไว้

    (14 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียกำลังให้ความสนใจประเด็นเตือนภัยกลโกงของช่างภาพงานรับปริญญา หลังบัณฑิตถูกตลบหลังหลอก ติดต่อช่างภาพเป็นดิบดี แต่ปรากฏว่าส่งช่างภาพอีกคนมาแทนโดยไม่ได้บอกกล่าว เพราะเจ้าตัวรับงานซ้อนเอาไว้ ทำให้ไม่ได้ผลงานตามที่ต้องการ และเสียความรู้สึกกับเหตุที่เกิดขึ้น กลายเป็นอุทาหรณ์ที่หลายคนบอกว่า "แหย่เขี้ยว เด็กนิติฯ เข้าเสียแล้ว"

    ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Suthida Amornvisaisoradej ได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว เพื่อเป็นการเตือนภัยและตีแผ่พฤติกรรมของช่างภาพรับปริญญาที่ไร้จรรยาบรรณ หลังจากที่เพิ่งได้เป็นนิติศาสตรบัณฑิต เข้ารับปริญญาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่กลับถูกช่างภาพหลอก ไม่เป็นไปตามที่พูดคุยและว่าจ้างเอาไว้ จึงจำเป็นต้องใช้วิชาทางกฎหมายมาใช้จัดการให้เข็ดหลาบ

    บัณฑิตสาวได้เล่าเรื่องราวตามลำดับเหตุการณ์ เริ่มแรกจากติดต่อช่างภาพให้มาถ่ายภาพรับปริญญา โดยติดต่อกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่วงหน้าถึง 2 เดือน เพื่อจองคิวในวันงานรับปริญญา โดยช่างภาพคิดราคาครึ่งวัน 3,500 บาท โดยให้โอนค่ามัดจำไปให้ก่อน 500 บาท

    ทั้งนี้ บัณฑิตสาวยอมรับว่าไม่เคยใช้บริการช่างภาพคนนี้มาก่อน เพียงแต่เห็นภาพผลงานและรู้สึกพอใจ อีกทั้งเห็นให้พี่ๆ น้องๆ จากสถาบันก็เคยใช้บริการช่างภาพคนนี้มาก่อนจึงรู้สึกวางใจขึ้น กระทั่งมาถึงในวันงานรับปริญญา อยู่ๆ ช่างภาพก็ได้แจ้งเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกะทันหัน แต่ก็พบช่างภาพมาถ่ายงานให้ตามปกติ

    บัณฑิตสาวระบุว่า ช่างภาพคนนี้มีการสั่งจัดท่าถ่ายรูปแบบแปลกๆ ดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพสักเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกไม่พอใจมากนัก โดยเฉพาะสั่งให้ขึ้นขี่หลังแฟนหนุ่มถ่ายรูปคู่ ทั้งที่ชุดเสื้อผ้าไม่ได้เอื้ออำนวย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ก่อนจะครบเวลา 5 โมงเย็นจึงแยกย้ายตามตกลงไว้ และโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือไปให้

    อีกทั้ง ช่างภาพยังขอโทษที่เปลี่ยนเบอร์ติดต่อกะทันหัน เพราะอ้างว่าโทรศัพท์เสีย และรับปากว่าจะส่งภาพตัวอย่างมาให้ดูในช่วงค่ำวันเดียวกันนั้น และความมาแตกในวันถัดไป หลังจากที่บัณฑิตสาวได้เข้าไปดูเพจของช่างภาพ แต่ปรากฏว่าไม่เจอรูปตัวเอง กลับมีรูปรุ่นน้องที่คณะจากงานเดียวกันแทน ทำไมเริ่มสงสัยว่า "แล้วช่างภาพที่มาถ่ายให้เมื่อวานนี้เป็นใครกัน?"

    เมื่อได้นำเอาเบอร์โทรศัพท์ที่เพิ่งได้มาจากช่างภาพมาค้นหาดู ก่อนจะพบว่าไอดีเป็นคนละคนกับช่างภาพที่เคยพูดคุยและติดต่อกันตั้งแต่แรก จากนั้นจึงได้ลองค้นหาข้อมูลของช่างภาพคนนี้ต่อไป ก็พบว่าภาพถ่ายไม่ใช่แบบที่ต้องการ เป็นแนวแต่งแสงจัดๆ

    หลังจากนั้นจึงได้เลื่อนไปเจอภาพถ่ายของตัวเอง ที่ช่างภาพถ่ายเอาไว้เมื่อวาน พร้อมกับโพสต์ไว้ว่า "จุฬางานแรกก็มานะครับ" โดยมีช่างภาพที่ทำหน้าที่ติดต่อรับงานในตอนแรกมาคอมเมนต์ต่อ "เกือบตกงานแล้ว" ทำให้เสียความรู้สึกและปะติดปะต่อได้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ช่างภาพที่ติดต่อตั้งแต่แรกรับงานซ้อน จึงเรียกรุ่นน้องมาช่วยรับงานแทน โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบ

    นอกจากนี้ บัณฑิตสาวยังบังเอิญพบว่า ช่างภาพได้นำเอาภาพถ่ายฝีมือด้วยเอง โดยเป็นรูปตนกับแฟนหนุ่มออกไปแชร์ถามเพจและกลุ่มช่างภาพอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อโปรโมทผลงานตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือยินยอมใดๆ จากนั้นจึงได้สอบถามกลับไปยังช่างภาพ เพื่อถามหารูปถ่ายจากงานรับปริญญา แต่ปรากฏว่าได้ภาพสีค่อนข้างสด ไม่ใช่แบบที่ต้องการและคุยกันเอาไว้ตั้งแต่แรก

    ต่อมาช่างภาพส่งได้ส่งข้อความมาขอโทษเกี่ยวกับเรื่องโทนของภาพ อ้างว่าอาจจะแต่งได้ไม่เหมือนกับช่างภาพคนอื่น และบัณฑิตยังลองไปสอบถามรุ่นน้องที่ใช้บริการช่างภาพที่ตนเองต้องการตัว ก็พบว่าเป็นการรับงานซ้อนกันจริง อีกทั้งยังได้ราคาที่ถูกกว่า และแถมเวลาเพิ่มให้ด้วย

    อย่างไรก็ตาม บัณฑิตสาวระบุถึงสาเหตุที่โพสต์แฉพฤติกรรมดังกล่าวออกมา เพราะต้องการเตือนภัยการหลอกลวง และการกระทำเช่นนี้ยังส่งผลกระทบต่อวงการช่างภาพอิสระรายอื่นๆ อีกด้วย แม้เรื่องนี้จะเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย แต่การรับงานซ้อนและให้คนอื่นมาทำงานแทนโดยไม่ได้บอกกล่าวลูกค้าก่อน เป็นพฤติกรรมที่ทำลายอาชีพตัวเองเป็นอย่างมาก

    ทั้งนี้ บัณฑิตสาวยังได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันในกรณีดังกล่าวเอาไว้ที่ สน.ปทุมวัน เพื่ออยากให้เป็นเคสตัวอย่าง พร้อมกับระบุทิ้งท้ายว่า "ถ้ายังไม่คิดจะหยุดพฤติกรรมแบบนี้ก็ไปเจอกันที่ศาลค่ะ" ทำให้เรื่องราวดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและเป็นกำลังใจให้เป็นจำนวนมาก