6รมต.+ส.ส.สั่นกกต.เชือดกรณีหุ้น 23 มิ.ย.

6รมต.+ส.ส.สั่นกกต.เชือดกรณีหุ้น 23 มิ.ย.

6รมต.+ส.ส.สั่นกกต.เชือดกรณีหุ้น 23 มิ.ย.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

6รมต. + ส.ส. หนาว กกต.เงื้อฟันถือหุ้นสัมปทานรัฐ 3 พรรคมีสิทธิวืดเลื่อน ส.ส. สัดส่วน เพราะไม่มีบัญชีรายชื่อ ด้าน รมต.มีลุ้นไม่ต้องพ้น หากขายหุ้นตอนเข้าดำรงตำแหน่ง เหตุไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต.วันพรุ่งนี้ ( 23 มิ.ย.) มีความเป็นไปได้ว่า กกต จะนำกรณีการถือหุ้นของ ส.ส.ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และนายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระร้องขอให้ตรวจสอบ เข้าพิจารณารวมทั้งสิ้น 61 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส.และรมต.ในส่วนของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล โดยในส่วนส.ส.ประชาธิปัตย์ 28 คนที่นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทยร้องนั้น อนุกรรมการสอบสวนในส่วนนี้ยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าประธานกกต.จะให้มีการลงมติเลยหรือไม่ ทั้งนี้สำนวนในส่วนของข้อเท็จจริงเรื่องการถือหุ้นของแต่ละคน อนุกรรมการสอบสวนได้มีการเสนอให้กกต.แต่ละคน ไปศึกษามาตั้งกลางเดือนพ.ค.แล้ว แต่ที่ผ่านมารอเพียงความเห็นของที่ปรึกษากฎหมายเท่านั้น

โดยในส่วนคำร้องของนายเรืองไกร ที่ส่งมาให้กกต.ตรวจสอบ มีเพียงรายชื่อผู้ถูกร้อง แต่ไม่ระบุว่าถือหุ้นของบริษัทใดบ้างนั้น อนุฯได้มีการเรียกนายเรืองไกรมาสอบถามถึงที่มาของข้อมูลจากนั้นก็ไปตรวจสอบจากเว็บไซต์ที่นายเรืองไกรอ้างว่านำข้อมูลมาร้อง โดยส่วนใหญ่จะมาจากเว็บไซต์ของป.ป.ช.ที่ผู้ถูกร้องได้มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินไว้ จึงไม่เป็นเหตุให้กกต.ต้องยุติการสอบ

อย่างไรก็ตามในส่วนจำนวน ส.ส. 61 คนนั้น อนุกรรมการได้เสนอว่า ได้รับการชี้แจงทั้งด้วยตนเองและเอกสารจากผู้ถูกร้องแล้วส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางคนที่อนุฯไม่ได้รับคำชี้แจง ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกกต.ว่าจำเป็นที่ต้องรอคำชี้แจงดังกล่าวหรือหากมองว่ามีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์เช่นเดียวกับส.ว.ที่ได้พิจารณาไปแล้วก็อาจจะลงมติเลย

ทั้งนี้มีรายงานว่าในจำนวน ส.ส. 61 คน มีส.ส.ที่เข้าข่ายถือครองหุ้นตามมาตรา 48 และมาตรา 265 วรรคสอง เป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงราว 40 คน โดยในจำนวนนี้มีที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล 6 คน ประกอบด้วยนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข และนายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยืนตามกกต.จนเป็นเหตุให้สมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของผู้นั้นสิ้นสุดลง ในส่วนของส.ส.เขตไม่เป็นปัญหาโดยพรรคการเมืองสามารถส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใหม่ ในขณะที่ส.ส.สัดส่วนประธานสภาต้องประกาศเลื่อนรายชื่อบัญชีในลำดับถัดไปเป็นส.ส.ขึ้นมาแทน ซึ่งตรงนี้จะเป็นปัญหากับพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ที่เป็นพรรคเกิดใหม่ และไม่มีบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.สัดส่วนให้เลื่อนขึ้นมาได้ ทำให้ส.ส.ในสัดส่วนของพรรคนั้น ๆต้องว่างลง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การพิจารณาของกกต.ในประเด็นส.ส. ก็จะใช้หลักเดียวกับการพิจารณาส.ว. ซึ่งในการชี้แจงของอนุฯต่อที่ประชุมได้ระบุถึงการห้ามถือครองหุ้นที่เป็นเหตุให้สิ้นสมาชิกภาพว่าควรจะเริ่มนับตั้งแต่ความเป็นส.ว.เกิดขึ้น ซึ่งก็หมายถึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่กกต.ประกาศรับรองให้เป็นส.ว. ดังนั้นกรณีดังกล่าวแม้ว่าผู้ถูกร้องจะมีการขายหุ้นภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็ไม่มีผลให้พ้นความผิด แต่ในประเด็นนี้จะใช้ไม่ได้กับ รัฐมนตรีเพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดว่า รมต. จำเป็นต้องเป็น ส.ส.. ดังนั้นเมื่อเทียบเคียงกับกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่นายสุเทพถูกร้องประเด็นนี้เมื่อครั้งเป็นส.ส.ฝ่ายค้าน กกต.ก็ตรวจสอบ ณ.วันที่ถูกร้อง เมื่อพบว่าถือหุ้นในบริษัทที่ต้องห้าม ก็ต้องเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากสมาชิกภาพความเป็นส.ส. แต่ความเป็นรมต.ยังคงอยู่ เพราะว่าได้ขายหุ้นที่เคยถือครองไปแล้วเมื่อเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯตามมาตรา 269

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook